แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเกิดโทสะใช้มีดโต้ ใบมีดกว้างราว 3 นิ้วมือผู้ใหญ่ติดกันยาวราว 1 ฟุต. ฟันผู้เสียหายซึ่งเป็นพ่อตา 2 ที ถูกที่ใบหน้า 1 แห่งแผลเย็บแล้วยาว 14 เซนติเมตร ยาวจากโหนกแก้มอีกข้างหนึ่งพาดผ่านจมูกเต็มใบหน้าเห็นได้ชัด อันเป็นเหตุให้หน้าเสียโฉม. อีกแผลหนึ่งที่กลางหลังยาว 9 เซนติเมตร.สาเหตุเนื่องจากผู้เสียหายดุด่าลูกจำเลย. ดังนี้ เห็นได้ว่าจำเลยไม่มีเจตนาฆ่า. เพราะถ้าจำเลยมีเจตนาฆ่า จำเลยต้องฟันมากครั้งกว่านี้และเลือกฟันที่อวัยวะสำคัญมากกว่านี้ได้ ทั้งลักษณะบาดแผลก็ไม่ปรากฏว่าอาจทำให้ถึงอันตรายแก่ชีวิต. จำเลยจึงมีผิดเพียงฐานทำร้ายร่างกายสาหัสเท่านั้น.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้มีดโต้ฟันนายพรม ภูมูลนา ถึงหน้าเสียโฉมโดยเจตนาฆ่าขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80, 288, 297กับริบของกลาง ชั้นแรกจำเลยปฏิเสธ ต่อมาจำเลยกลับให้การรับว่า ได้ใช้มีดโต้ฟันทำร้ายร่างกายนายพรมจริง ที่ทำไปเพราะโมโห ไม่มีเจตนาฆ่า ศาลชั้นต้นฟังว่า การกระทำของจำเลยเป็นเรื่องเจตนาฆ่านายพรมให้ตาย แต่เป็นการกระทำด้วยโทสะจริตขาดความยับยั้งชั่งใจพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80วางโทษจำคุก 10 ปี จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลย 3 ปี ตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 7 ปี ริบของกลาง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยกระทำโดยมีเจตนาเพียงทำร้ายร่างกายด้วยความโกรธพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเป็นว่า ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(4) จำคุกไว้ 4 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนตลอดมาจนถึงศาลเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดกึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกไว้ 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยได้ใช้มีดโต้ ใบมีดกว้างราว 3 นิ้วมือผู้ใหญ่ติดกัน ยาวราว 1 ฟุต ฟันนายพรม ภูมูลนา ผู้เสียหาย 2 ครั้งถูกที่ใบหน้า 1 แห่ง แผลเย็บแล้วยาว 14 เซนติเมตร ยาวจากโหนกแก้มอีกข้างหนึ่งพาดผ่านจมูกเต็มใบหน้าเห็นได้ชัดเจน อันเป็นเหตุให้หน้าเสียโฉมติดตัว ส่วนอีกแผลที่กลางหลังยาว 9 เซนติเมตรศาลฎีกาเห็นว่าผู้เสียหายเป็นพ่อตาจำเลย อยู่ร่วมเรือนเดียวกันตลอดมาจนเกิดเรื่อง สาเหตุจะเกิดคดีนี้ปรากฏว่า ผู้เสียหายดุด่าว่าลูกของจำเลยเรื่องไปตัดมะละกออ่อน จำเลยจึงเกิดโทสะฟันผู้เสียหายไปสองที หากจำเลยมีเจตนาฆ่าจำเลยต้องฟันมากครั้งกว่านี้ และเลือกฟันที่อวัยวะสำคัญกว่านี้ได้ เพราะจำเลยเป็นฝ่ายมีอาวุธผู้เสียหายมือเปล่า เมื่อพิเคราะห์ถึงลักษณะบาดแผลที่ผู้เสียหายได้รับ ไม่ปรากฏว่ามีความสาหัสอาจทำให้ถึงอันตรายแก่ชีวิต ตลอดจนพฤติการณ์ที่ปรากฏตามทางพิจารณา ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่า พิพากษายืน.