แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 สั่งซื้อไม้จากโจทก์ไปทำตู้ เตียง ซึ่งจำเลยรับเหมามาจากกองทัพอากาศ จำเลยที่ 2 รับว่าสั่งไม้จากโจทก์แต่ผู้เดียว จำเลยที่ 1 ไม่เกี่ยว จำเลยที่ 2 รับเหมาเด็ดขาดไปจากจำเลยที่ 1
เมื่อได้ความว่าจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์บิดาจึงเป็นผู้ดำเนินกิจการ ประกอบกับพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 2 ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามมาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้แล้ววันต่อมาจำเลยที่ 1 ที่ 2 กับบิดาจำเลยที่ 1 และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ บิดาจำเลยที่ 1 เอาเงินให้ 2,000 บาทวางมัดจำค่าไม้ และบิดาจำเลยที่ 1 ยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งให้โจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ 2
และพฤติการณ์ที่โจทก์สืบดังกล่าวข้างต้นมิใช่พฤติการณ์ที่บิดาจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ 1 ได้แสดงออกโดยชัดเจ้งว่าจำเลยที่ 1 ได้ให้บิดาจัดการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะพึงแสดงว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยบิดาจำเลยที่ 1 เป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ 1 จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองรับเหมาทำตู้เตียงและของใช้อื่น ๆ ส่งกองทัพอากาศ จำเลยทั้งสองได้สั่งซื้อไม้สักขนาดต่าง ๆ จากโจทก์หลายครั้งรวมราคา ๑๖๒,๕๓๔ บาท ๕๕ สตางค์ ดังสำเนาท้ายฟ้อง จำเลยผ่อนชำระบ้างแล้วยังค้างชำระอีก ๕๐,๕๓๔ บาท ๕๕ สตางค์ ได้ทวงถามจำเลยก็ไม่ชำระ จึงขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยทั้งสองใช้เงินที่ค้างชำระให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่ารับเหมาทำตู้เตียง ฯลฯ แต่ผู้เดียว แล้วจ้างจำเลยที่ ๒ ทำอีกต่อหนึ่ง จำเลยที่ ๑ ไม่เคยสั่งซื้อไม่จากโจทก์ และไม่เคยให้ผู้ใดไปซื้อหรือรับของจากโจทก์ตามใบรับสิ่งของท้ายฟ้อง ทั้งไม่เคยชำระค่าไม้ให้โจทก์ หากเป็นจริงก็เป็นเรื่องของจำเลยที่ ๒ กระทำไปเป็นส่วนตัวจำเลยที่ ๒ ก่อนฟ้องโจทก์ไม่เคยทวงถาม
จำเลยที่ ๒ ให้การสอดคล้องกับจำเลยที่ ๑ แต่รับว่าจำเลยที่ ๒ เคยสั่งซื้อไม้จากโจทก์จริง แต่ว่าได้ชำระหมดแล้ว
ศาลแพ่งฟังว่าจำเลยที่ ๒ ผู้เดียวได้ซื้อไม้จากโจทก์และค้างชำระตามฟ้อง ส่วนจำเลยที่ ๑ นั้นทางพิจารณาฟังไม่ได้ว่าได้ร่วมซื้อไม้รายนี้กับจำเลยที่ ๒ ด้วย ข้อทวงถามก็ฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้ทวงถามจำเลยที่ ๒ ก่อนฟ้อง จึงพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ใช้เงิน ๕๐,๕๓๔ บาท ๕๕ สตางค์ให้โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ คำขอนอกจากนี้ให้ยกเสีย
โจทก์และจำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันสั่งซื้อไม้จากโจทก์และค้างชำระตามฟ้องจริง ข้อทวงถามก็ได้ความว่าจำเลยที่ ๑ ให้เก็บเงินจากนายลี้ กุยเซ็น บิดาจำเลยที่ ๑ นายลี้ กุยเซ็นได้จ่ายเงินค่าไม้ให้โจทก์หลายคราวแล้ว ไม่จ่ายค่าไม้ที่ค้างชำระ โจทก์ได้ทวงถามค่าไม้จากนายลี้ กุยเซ็นแล้ว จำเลยทั้งสองเป็นลูกหนี้ร่วมกัน โจทก์จะทวงถามลูกหนี้คนหนึ่งคนใดก็ได้ จึงถือได้ว่าจำเลยทั้ง ๒ ผิดนัดแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลแพ่งให้จำเลยทั้งสองใช้เงิน ๕๐,๕๓๔ บาท ๕๕ สตางค์ ฯลฯ
จำเลยที่ ๑ ผู้เดียวฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ได้ความว่า จำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของร้านไทยงามอาภรณ์ บิดาเป็นผู้ดำเนินกิจการเพราะจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เยาว์ และพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๒ ว่าจะไปเอาเงินที่ร้านไทยงามอาภรณ์มาชำระโจทก์ให้โจทก์ทำบิลให้ แล้ววันต่อมาจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ กับนายลี้ กุยเซ็นบิดาจำเลยที่ ๑ และเจ้าของร้านยูเนียนก็ได้พากันไปหาโจทก์ นายลี้ กุยเซ็นเอาเงินให้โจทก์ ๒,๐๐๐ บาทวางมัดจำ โจทก์ก็ออกใบรับให้ นายลี้กุยเซ็นยังบอกโจทก์ว่ามีร้านไทยงามอาภรณ์และสั่งโจทก์ส่งไม้ให้เรื่อย ๆ เงินก็จะชำระให้เรื่อย ๆ ดังนี้เป็นพฤติการณ์ที่แสดงว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้รับเหมาและเป็นผู้สั่งให้จำเลยที่ ๒ ทำตู้ เตียง และของอื่นรายนี้ได้เป็นผู้สั่งซื้อไม้ของโจทก์ร่วมกับจำเลยที่ ๒
ข้อที่จำเลยที่ ๑ คัดค้านว่าโจทก์มิได้ฟ้องนายลี้กุยเซ็นเป็นจำเลยด้วย โจทก์จะสืบพยานเอาพฤติการณ์ที่นายลี้กุยเซ็นได้กระทำเพื่อแสดงว่าจำเลยที่ ๑ สั่งไม้จากโจทก์ไม่ได้ เพราะนอกประเด็นไปจากคำฟ้องนั้น เห็นว่าพฤติการณ์ที่โจทก์นำสืบทั้งนี้มิใช่เป็นพฤติการณ์ที่นายลี้กุยเซ็นได้กระทำไปแต่ฝ่ายเดียว แต่เป็นพฤติการณ์ที่จำเลยที่ ๑ ได้แสดงออกได้ชัดแจ้งว่าจำเลยที่ ๑ ได้ให้นายลี้กุยเซ็นจัดทำการเรื่องนี้แทนตน พฤติการณ์ทั้งนี้จึงเป็นข้อความที่จะแสดงว่าจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ สั่งซื้อไม้ของโจทก์โดยนายลี้กุยเซ็นบิดาจำเลยเป็นผู้เกี่ยวข้องเอาธุระจัดการให้จำเลยที่ ๑ จึงเป็นข้อความที่เกี่ยวกับประเด็นตามคำฟ้องของโจทก์ หาเป็นความที่นอกประเด็นอย่างไรไม่ พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ยกฎีกาจำเลยที่ ๑ เสีย ฯลฯ.