แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนจำนวน 70,000 บาท โดยมิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับพวกส่งมอบรถหรือชำระเงินที่ศาล ทั้งตามคำบังคับที่ศาลชั้นต้นออกให้ตามคำขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็มิได้ระบุสถานที่ส่งมอบรถและสถานที่ใช้เงินไว้ด้วย กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324ที่กำหนดสถานที่ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งว่าต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้นแต่ถ้าเป็น การชำระหนี้โดยประการอื่นจะต้องชำระณ สถานที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนา ปัจจุบันของเจ้าหนี้ เมื่อหนี้ตามคำพิพากษามีหนี้ที่ต้องส่งมอบรถ ที่เช่าซื้อซึ่งเป็นการชำระหนี้ทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ต้องส่งมอบกันณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้นปรากฏว่า หนี้ของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์เกิดขึ้นเมื่อ ศาลมีคำพิพากษาให้คืน ซึ่งขณะนั้นรถอยู่ในความครอบครองของ จำเลยที่ 1 ก็ต้องส่งมอบรถกัน ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1ไม่ใช่ ส่งมอบกันที่ศาล ศาลไม่จำต้องนัดพร้อมโจทก์และจำเลยที่ 1 เพื่อส่งมอบรถให้กันและไม่ต้องสั่งงดการบังคับคดี
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันคืนรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสัน คันหมายเลขทะเบียน 3 ร-2748 กรุงเทพมหานคร ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนจำนวน 70,000 บาท และให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 11,000 บาท พร้อมค่าเสียหายต่อไปเดือนละ 1,100 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะคืนรถหรือใช้ราคาให้โจทก์ จำเลยทั้งสี่ทราบคำบังคับแล้วไม่ปฏิบัติตาม โจทก์จึงขอให้ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดีเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2537 คดีอยู่ระหว่างการบังคับคดี
ต่อมาวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2540 จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องว่าจำเลยที่ 1ไม่สามารถจะนำรถไปส่งคืนให้แก่โจทก์ตามคำพิพากษาได้ เนื่องจากรถขาดการต่อทะเบียนหลายปี จำเลยที่ 1 เคยขับรถออกไปส่งแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมหลายครั้ง จำเลยที่ 1 จึงแจ้งให้โจทก์ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับรถคืนจากจำเลยที่ 1 แต่โจทก์เพิกเฉย และยืนยันให้จำเลยที่ 1 นำรถไปส่งคืนแก่โจทก์ตามคำพิพากษา จึงขอให้ศาลนัดพร้อมและหมายเรียกโจทก์มาศาลเพื่อรับรถคืนไป และขอให้งดการบังคับคดี
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 มีหน้าที่ต้องส่งมอบรถคืนโจทก์ ณ สถานที่ซึ่งรถนั้นอยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้ หรือสถานที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324 และคำพิพากษาของศาลไม่มีเหตุงดการบังคับคดี และไม่ปรากฏหลักฐานการถูกจับกุมที่อ้าง ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 1 เลือกวิธีปฏิบัติได้ 2 ประการ คือ ใช้ราคารถหรือส่งมอบรถให้โจทก์ จำเลยที่ 1 เลือกวิธีส่งมอบรถให้โจทก์ และได้แจ้งให้โจทก์ส่งเจ้าหน้าที่ไปรับรถคืนแต่ถึงวันนัดโจทก์เพิกเฉย โจทก์มีหน้าที่ตามกฎหมายต้องไปรับรถคืนจากจำเลยที่ 1 จึงขอให้ส่งศาลชั้นต้นนัดพร้อมเพื่อส่งมอบรถที่เช่าซื้อต่อไป คดีจึงมีปัญหาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า ศาลชั้นต้นมีหน้าที่ต้องนัดพร้อมเพื่อให้จำเลยที่ 1 ส่งมอบรถที่เช่าซื้อให้โจทก์ที่ศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้จำเลยที่ 1 กับพวกร่วมกันคืนรถยนต์ที่เช่าซื้อให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากคืนไม่ได้ให้ใช้ราคาแทนจำนวน 70,000 บาท โดยมิได้พิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับพวกส่งมอบรถหรือชำระเงินที่ศาล ทั้งตามคำบังคับที่ศาลชั้นต้นออกให้ตามคำขอของโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาก็มิได้ระบุสถานที่ส่งมอบรถและสถานที่ใช้เงินไว้ด้วย กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 324 ที่กำหนดสถานที่ส่งมอบทรัพย์เฉพาะสิ่งว่าต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้น แต่ถ้าเป็นการชำระหนี้โดยประการอื่นจะต้องชำระ ณ สถานที่ซึ่งเป็นภูมิลำเนาปัจจุบันของเจ้าหนี้ เมื่อหนี้ตามคำพิพากษามีหนี้ที่ต้องส่งมอบรถที่เช่าซื้อซึ่งเป็นการชำระหนี้ทรัพย์เฉพาะสิ่งก็ต้องส่งมอบกัน ณ สถานที่ซึ่งทรัพย์นั้นได้อยู่ในเวลาเมื่อก่อให้เกิดหนี้นั้น เมื่อปรากฏว่าหนี้ของจำเลยที่ 1 ที่จะต้องส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนโจทก์เกิดขึ้นเมื่อศาลมีคำพิพากษาให้คืนซึ่งขณะนั้นรถอยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 1 ก็ต้องส่งมอบรถกัน ณ ภูมิลำเนาของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ส่งมอบกันที่ศาล ศาลชั้นต้นจึงไม่ต้องนัดพร้อมโจทก์และจำเลยที่ 1 เพื่อส่งมอบรถให้กันและไม่ต้องสั่งงดการบังคับคดี ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของจำเลยที่ 1 นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน