แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลได้อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเพราะเหตุทนายจำเลยป่วยและติดธุระมา 2 ครั้งแล้ว โดยได้กำชับให้จำเลยมีทนายความมาว่าความให้ได้ใน 2 นัด ที่เลื่อน และในนัดที่สามด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีในนัดที่สามโดยจำเลยได้ถามค้านพยานโจทก์ที่สืบในนัดนั้น และศาลชั้นต้นได้ซักถามพยานดังกล่าวไว้ด้วย ถือว่าศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกใช้อาวุธปืนยิงนายอำนวยถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(4), 371, 91, 83 และพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490มาตรา 4, 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษประหารชีวิตจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะความผิดฐานพาอาวุธปืนเป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ วรรคหนึ่งและวรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า… ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและสืบพยานโจทก์ปากนายวิสุทธิ์และนายชัยรัตน์ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2531 โดยจำเลยไม่มีทนายความ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีเพราะเหตุทนายจำเลยรวม 2 นัดแล้ว นัดแรกอ้างว่าทนายจำเลยป่วยนัดที่สองอ้างว่าทนายจำเลยต้องเดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อจัดงานศพบิดา ศาลได้กำชับให้จำเลยมีทนายความมาว่าความให้ได้ใน 2 นัดและในนัดที่สามด้วย การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีในนัดที่สามโดยจำเลยได้ถามค้านพยานโจทก์ทั้ง 2 ปากและศาลชั้นต้นได้ซักถามพยานดังกล่าวไว้ด้วยจึงถือว่าศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจในการดำเนินกระบวนพิจารณาเหมาะสมและชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน