คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1548/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องบรรยายว่า “วันที่ 8 ก.พ. 93 เวลากลางวัน จำเลยกล่าวเท็จหลวงลวงโจทก์ว่า มีคนต้องการซื้อผ้า จำเลยขอรับผ้าไปถ้าขายได้จะนำเงินมาให้ ถ้าขายไม่ได้จะนำผ้ามาคืนในวันที่ 9 เดือนเดียวกัน โจทก์หลงเชื่อ จึงมอบผ้าให้จำเลยรับไป ครั้งถึงวันเวลากำหนด จำเลยไม่นำเงินหรือผ้ามาคืน” และในตอนท้ายบรรยายว่า “ในระหว่างวันที่ 8 – 9 ก.พ.93 เวลาใดไม่ปรากฎ จำเลยมีเจตนาทุจริต ยักยอกทรัพย์รายนี้” ดังนี้ เป็นฟ้องที่โจทก์มุ่งหมายบรรยายหนักไปทางว่า จำเลยกระทำผิดฐานฉ้อโกง ไม่เป็นฟ้องเคลือคลุม และสมบูรณ์ เป็นฟ้องฐานฉ้อโกง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า วันที่ ๘ ก.พ. ๒๔๙๓ เวลากลางวัน จำเลยกล่าวเท็จหลอกลวงโจทก์ว่า มีคนต้องการซื้อผ้า จำเลยขอรับเอาผ้าไปถ้าขายได้จำเลยจะนำเงินค่าผ้ามาขำระให้ ถ้าขายไม่ได้จำเลยจะนำมาคืนให้โจทก์ในวันที่ ๙ เดือนเดียวกันเวลา ๑๑.๐๐ น. โจทก์หลงเชื่อถ้อยคำของจำเลยจึงมอบผ้าปาล์มกับน้ำ+คอร์ปสี รวม ๗ พับ ราคา ๑๔,๖๐๐ บาท ให้จำเลยรับไป ครั้นวันรุ่งขึ้นวันที่ ๙ ถึงเวลากำหนด จำเลยไม่นำเงินค่าผ้าหรือผ้ามาคืนให้โจทก์ โจทก์เที่ยวติดตามจำเลย ก็ไม่พบ ในระหว่างวันที่ ๘-๙ กุมภาพันธ์ เวลาใดไม่ปรากฎจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกทรัพย์รายนี้ของโจทก์ที่ได้มอบให้จำเลยไปเพื่อขาย ขอให้ลงโทษตาม ก.ม. ลักษณะอาญามาตรา ๓๐๔,๓๑๔
จำเลยให้การปฏิเสธและฟ้องเคลือบคลุม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ตามฎีกา ๑๒๓๙/๒๔๙๓ ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุมส่วนข้อเท็จจริง ฟังว่า จำเลยมีความฐานฉ้อโกง ให้จำคุก ๑ ปี ตาม ก.ม.ลักาณะอาญามาตรา ๓๐๔
จำเลยฎีกา
ศาลฏีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์ได้บรรยายการกระทำของจำเลยเท่าที่จำเลยได้พูดและกระทำความผิดฐานฉ้อโกงมากกว่าและโทก์มีความมุ่งหมายบรรยายฟ้องหนักไปในทางว่าจำเลยกระทำความผิดฐานฉ้อโกงมากกว่า
สำหรับข้อเท็จจริง โจทก์สืบได้โดยปราศจากระแวงสงสัย ฏีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน

Share