คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1545/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของรวมในที่ดินมีโฉนดแบ่งแยกที่ดินเป็นหลายแปลงเพื่อขายได้ตกลงกันให้ที่ดินตามเลขโฉนดเดิมที่เหลืออยู่เป็นถนนสำหรับผู้มาซื้อที่ดินออกสู่ถนนใหญ่ และได้ทำเป็นถนนคอนกรีตขึ้นในที่ดินส่วนนี้โดยตกลงกันสละสิทธิเรียกร้องใด ๆ จากผู้ใช้ถนนนี้ ข้อตกลงดังกล่าวย่อมมีผลผูกพันระหว่างกัน ใช้บังคับกันได้โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนและเป็นการตกลงกันที่แสดงให้เห็นว่ามีวัตถุที่ประสงค์จะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทที่กลายเป็นถนนคอนกรีตไปแล้วนี้ร่วมกัน มีลักษณะเป็นการถาวร เจ้าของรวมผู้มีชื่อในโฉนดคนหนึ่งคนใดไม่มีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินนั้นได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ 1224 เป็นของโจทก์กับจำเลยที่ 1คนละกึ่ง ต่อมาจำเลยที่ 1 ยินยอมให้จำเลยที่ 2, 3, 4 ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยที่ 1 และจำเลยแบ่งแยกโฉนดออกเป็นหลายแปลงให้มีชื่อโจทก์และจำเลยในแต่ละแปลง คงเหลือที่ดินตามโฉนดที่ 1224เดิม 67 ตารางวา และมีชื่อโจทก์จำเลยทุกคนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันเฉพาะของโจทก์กึ่งหนึ่งเป็นเนื้อที่ 33 ตารางวาครึ่ง โจทก์ขอแบ่งแยกส่วนของโจทก์ออก จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับให้จำเลยแบ่งที่ดินหากไม่อาจตกลงแบ่งกันได้ก็ให้ประมูลราคากันหรือขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน

จำเลยที่ 1 ให้การว่า โจทก์และจำเลยทั้งสี่ได้ตกลงแบ่งที่ดินรายนี้ออกเป็นของแต่ละคน แต่ให้กันที่ดินคั่นกลางระหว่างที่ดินของโจทก์จำเลยไว้เป็นทางผ่านเข้าออกจึงได้แบ่งที่ดินออกเป็น 13 โฉนดให้โฉนดที่ 1224 เป็นโฉนดกลางสำหรับเป็นทางผ่านมีชื่อโจทก์จำเลยทุกคนเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ แล้วทำถนนคอนกรีตในที่ดินโฉนดที่ 1224 ให้เป็นทางเข้าออกของที่ดินทั้งหมดจนกลายเป็นทางจำเป็นตลอดมาจึงเป็นที่ดินที่ไม่สามารถนำไปทำประโยชน์อย่างอื่นได้ต่อไป

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

จำเลยที่ 3, 4 ให้การว่า ได้ร่วมกันซื้อที่ดิน 94 ตารางวา อันเป็นส่วนของจำเลยที่ 1 เมื่อแบ่งแยกจากโฉนดที่ 1224 แล้วจำเลยทั้งสองก็เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ 5209 ส่วนที่ดินโฉนดที่ 1224 เป็นถนนคอนกรีตกว้างประมาณ 4 เมตร ผ่านที่ดินที่แบ่งแยกทุกแปลงใช้เข้าออกสู่ถนนใหญ่จึงใส่ชื่อโจทก์จำเลยทุกคนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกันเพื่อใช้เป็นทางเข้าออก อันเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งโดยไม่มีสิทธิจะเอาที่ดินรายนี้ไปหาผลประโยชน์ใด ๆ นอกจากใช้ถนนนี้เข้าออก

ชั้นชี้สองสถาน โจทก์แถลงรับว่า ที่ดินพิพาทได้ทำเป็นถนนคอนกรีตใช้เป็นทางเดินร่วมของโจทก์และจำเลยซึ่งมีชื่อถือกรรมสิทธิ์ร่วมตามแผนที่หลังโฉนดที่ 1224 และเป็นทางออกสู่ถนนศรีอยุธยาเพียงทางเดียว ทางนี้กว้าง 4 เมตรและที่ดินที่แบ่งออกไปเป็นที่ดินที่ล้อมรอบถนนซึ่งเป็นที่ดินพิพาท ก่อนที่จะทำถนนได้ตกลงกันว่า เมื่อทำเป็นถนนคอนกรีตแล้วจะใช้ถนนนี้เป็นทางเดินร่วมกัน แต่เป็นการตกลงด้วยวาจา ไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงาน

ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อแบ่งที่ดินกันแล้วก็ยังมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ ที่พิพาทจึงไม่ใช่ทางจำเป็น การตกลงกันว่าจะใช้ที่พิพาทเป็นทางเข้าออกไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนย่อมไม่บริบูรณ์พิพากษาให้จำเลยแบ่งที่พิพาทให้โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าการแบ่งไม่ตกลงกันได้ก็ให้ประมูลราคาหรือขายทอดตลาดแบ่งเงินกัน

จำเลยที่ 3 ที่ 4 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ที่พิพาทเป็นทางที่เจ้าของรวมได้กันไว้เป็นทางเข้าออก การที่โจทก์จำเลยตกลงกันเมื่อทำทางนี้ก็เพื่อใช้สอยร่วมกันข้อตกลงนี้จึงเป็นสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดบุคคลสิทธิบังคับได้ระหว่างโจทก์จำเลย และโจทก์จำเลยตกลงกันทำเป็นถนนคอนกรีต โจทก์เองก็รับว่าเดิมตั้งใจจะยกที่พิพาทให้เป็นที่สาธารณะ แสดงชัดว่าข้อตกลงหรือวัตถุประสงค์ของโจทก์จำเลยให้ใช้ทางพิพาทนี้มีลักษณะเป็นการถาวรตลอดไป โจทก์จึงถูกจำกัดมิให้ใช้สิทธิแบ่งทรัพย์รายพิพาท ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 วรรค 1 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังว่า ที่ดินโฉนดที่ 1224 ซึ่งโจทก์กับจำเลยที่ 1มีกรรมสิทธิ์คนละครึ่งนั้นมีทางออกสู่ทางสาธารณะได้ทางเดียวคือทางสะพานข้ามคูริมถนนศรีอยุธยา จำเลยที่ 1 ได้ขายที่ดินส่วนของตน94 ตารางวา ให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ระหว่างที่แบ่งแยกโฉนดยังไม่เสร็จได้ใส่ชื่อจำเลยที่ 3 ที่ 4 ลงในโฉนดที่ 1224 ด้วยโดยให้มีกรรมสิทธิ์ร่วมในส่วนของจำเลยที่ 1 ต่อมาได้แบ่งแยกที่ดินแปลงนี้เป็น 13 แปลง ออกโฉนดใหม่ 12 โฉนด ส่วนของจำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ซื้อจากจำเลยที่ 1ได้โฉนดเลขที่ 5209 โฉนดที่ 1224 คงเหลือที่ดิน 67 ตารางวา ได้ทำเป็นถนนคอนกรีตระหว่างกลางที่ดินที่แบ่งแยกเป็นแปลง ๆ นี้โดยใส่ชื่อโจทก์กับจำเลยทั้งสี่เป็นเจ้าของร่วมกันในที่พิพาทซึ่งมีสภาพเป็นถนนคอนกรีตไปแล้ว

เหตุที่ทำถนนคอนกรีตนี้ขึ้น เป็นที่รับกันว่าเพื่อต้องการขายที่ดินด้านในให้มีราคาสูงขึ้น และให้ผู้ที่จะมาซื้อที่ดินมีทางออกไปสู่ถนนศรีอยุธยาได้ ตัวโจทก์เองก็เบิกความว่า ตอนที่แบ่งแยกโฉนดได้ตกลงกันว่าให้ที่ดินโฉนดที่ 1224 เป็นส่วนกลางสร้างขึ้นเป็นถนน ใครจะใช้ก็ได้ โดยโจทก์กับจำเลยที่ 1 ออกเงินทำถนนและตกลงกันว่าสละสิทธิเรียกร้องใด ๆ จากผู้ใช้ถนนนี้ ขณะแบ่งแยกโฉนดโจทก์ตั้งใจว่า ถ้าขายที่ดินได้หมด 12 แปลงก็จะยกถนนให้เป็นทางสาธารณะ ให้ผู้ซื้อที่ดินใช้เป็นทางเข้าออก ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นั้น ย่อมมีผลผูกพันใช้บังคับกันได้โดยมิต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนกับพนักงานเจ้าหน้าที่ และเป็นการตกลงที่แสดงให้เห็นว่ามีวัตถุที่ประสงค์ที่จะเป็นเจ้าของที่พิพาทที่กลายเป็นถนนคอนกรีตแล้วนี้ร่วมกันมีลักษณะเป็นการถาวร ทั้งการที่โจทก์ยอมให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4มีชื่อเป็นเจ้าของรวมในโฉนดที่พิพาทนั้น ก็เชื่อได้ว่าโจทก์คงได้แจ้งให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ทราบถึงข้อตกลงกันนี้แล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องให้แบ่งที่ดินพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1363 วรรค 1

พิพากษายืน

Share