คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1544/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยแจ้งข้อความอันเป็นเท็จแก่เจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมว่า ใบอนุญาตขับรถของจำเลยหายพร้อมกับแสดงสำเนาใบแจ้งความ ซึ่งความจริงใบอนุญาตขับรถของจำเลยมิได้หาย หากแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจยึดไว้ก่อนแล้ว ดังนี้ การแจ้งความเท็จของจำเลยมีเจตนาให้พ้นจากการจับกุมไม่ต้องถูกดำเนินคดี ทำให้กรมตำรวจ พนักงานสอบสวนผู้มีหน้าที่สอบสวนได้รับความเสียหายจำเลยจึงมีความผิดฐานแจ้งความเท็จ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2523 เวลากลางวันจ่าสิบตำรวจพิทยา จันทร์เกตุ กับพวก ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตรปฏิบัติการตามหน้าที่สืบสวนปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมาย และพบจำเลยขณะจำเลยขับขี่รถยนต์บรรทุกโดยสารคันไม่ทราบหมายเลขทะเบียนจ่าสิบตำรวจพิทยากับพวกได้ขอตรวจใบอนุญาตขับรถจากจำเลยจำเลยได้แจ้งข้อความแก่จ่าสิบตำรวจพิทยากับพวกว่า ใบอนุญาตขับรถของจำเลยหาย และจำเลยได้แสดงใบสำเนาแจ้งความใบอนุญาตขับรถหายต่อจ่าสิบตำรวจพิทยากับพวกซึ่งเป็นความเท็จความจริงใบอนุญาตขับรถของจำเลยไม่ได้หายแต่ถูกเจ้าพนักงานตำรวจประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตรยึดไปก่อนแล้วเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2523 การกระทำของจำเลยทำให้กรมตำรวจพนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตร และประชาชนเสียหาย เหตุเกิดที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตรจังหวัดพิจิตร ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 137

จำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การกระทำของจำเลยไม่ทำให้กรมตำรวจพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตรและประชาชนอาจเสียหาย จึงไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การแจ้งความเท็จของจำเลยทำให้กรมตำรวจ พนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรและประชาชนเสียหายที่ไม่ได้ตัวจำเลยผู้กระทำผิดมาลงโทษ พิพากษากลับว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137 ลงโทษปรับ 800 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงให้ปรับ 400 บาท

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การแจ้งความเท็จของจำเลยก็โดยมีเจตนาให้พ้นจากการจับกุมในการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. 2522 มาตรา 42 และถ้าจ่าสิบตำรวจพิทยากับพวกเชื่อตามที่จำเลยแจ้งความเท็จดังกล่าวแล้วก็อาจจะไม่จับกุมจำเลยมาดำเนินคดีตามความผิดดังกล่าวนั้น เช่นนี้ย่อมเห็นได้ชัดว่าทำให้กรมตำรวจ พนักงานสอบสวนประจำสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองพิจิตร จังหวัดพิจิตรเสียหายที่ไม่ได้ตัวจำเลยผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยดังกล่าวจึงเป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามที่โจทก์ฟ้อง

พิพากษายืน

Share