คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1542/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ให้ลงชื่อในสัญญาแบ่งที่นา โดยหลอกให้เข้าใจว่าลงชื่อขอรับโฉนดผู้ที่ฉ้อฉลจะอ้างว่ามีสัญญาให้ทำนาไม่ได้ การเข้าทำนาย่อมเป็นการละเมิด

ย่อยาว

จำเลยพาโจทก์ไปหอทะเบียนว่าจะให้เจ้าพนักงานออกโฉนดให้ให้โจทก์ลงชื่อในเอกสาร หมาย จ.9 และ ล.1 ซึ่งกลายเป็นสัญญาโจทก์ยอมแบ่งนาให้จำเลยครึ่งหนึ่ง จำเลยเข้าทำนาโจทก์จึงทราบความจริงและฟ้องขอให้ทำลายสัญญา จ.9,ล.1 นั้น กับเรียกค่าเสียหาย 5,400 บาท กับห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่ดินนี้ จำเลยต่อสู้ว่าทำสัญญาโดยสุจริต และฟ้องแย้งให้บังคับโจทก์แบ่งนากับเรียกค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ทำลายสัญญา หมาย จ.9, ล.1 ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้องกับที่วิวาท ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายอีก 2,000 บาท ด้วย จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “หลักฐานพยานโจทก์ประกอบด้วยเหตุผลฟังได้ว่าความเป็นจริงข้างนางบับ โจทก์โดยตลอดไม่มีที่สงสัย ข้อต่อสู้ของจำเลยเป็นพิรุธขัดต่อเหตุผล ไม่มีที่จะเชื่อฟังเป็นจริงได้ และข้อที่นายศิลป์จำเลยไปเที่ยวชี้แจงแก่ราษฎรว่าใครจะทำโฉนดที่ดินซึ่งปกครองด้วยมือเปล่า นายศิลป์รับจะไปติดต่อกับเจ้าพนักงานหอทะเบียนที่ดินจังหวัดอุทัยธานีเพื่อจัดทำโฉนดให้ พวกราษฎรเชื่อถือ มาให้นายศิลป์จัดการออกโฉนดให้หลายราย เช่นนายหน่วง นายดำ นายสินก็ได้เสียเงินค่าติดต่อให้แก่นายศิลป์จำเลยรายละหนึ่งพันบาทดังปรากฏตามคำผู้ใหญ่หาญพยานโจทก์นั้นย่อมเป็นข้อประกอบคดีให้เห็นได้ว่าในเรื่องนี้ นายจ่อย จำเลย ไม่มีทางจะแบ่งเอานาพิพาทของโจทก์ได้ จึงได้ให้นายศิลป์ จำเลย ลวงโจทก์ว่าจะพาโจทก์ไปหอทะเบียนที่ดินเพื่อติดต่อให้เจ้าพนักงานที่ดินออกโฉนดหรือตราจองสำหรับที่พิพาทให้โจทก์ แล้วให้โจทก์ลงพิมพ์ลายนิ้วมือในเอกสารจ.9 และ ล.1 โดยจำเลยแสร้งแสดงให้โจทก์เข้าใจว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับการขอออกโฉนด โจทก์ไม่รู้หนังสือก็หลงเชื่อและลงพิมพ์ลายนิ้วมือให้ หลักฐานพยานโจทก์ประกอบด้วยเหตุผลฟังเป็นจริงได้ไม่มีสงสัย ข้อต่อสู้ของจำเลยปราศจากเหตุผลอันจะพึงเชื่อฟังเป็นจริงได้ ฎีกาจำเลยซึ่งเถียงข้อเท็จจริงในข้อนี้จึงฟังไม่ขึ้น

ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ เพราะจำเลยทำนาเป็นการปฏิบัติตามสัญญาในเอกสาร จ.9 และ ล.1 และทำตามคำสั่งของกำนัน ทั้งค่าเสียหายของโจทก์ก็ไม่แน่นอนนั้น ข้อนี้เมื่อฟังว่าโจทก์มิได้มีเจตนาจะทำสัญญากับจำเลยตามเอกสารจ.9 และ ล.1 แล้ว จำเลยก็ไม่มีทางจะมาเถียงเช่นนี้ เพราะเอกสารจ.9 และ ล.1 ไม่มีผลที่จะให้นายจ่อย จำเลย เกิดสิทธิในที่พิพาทแต่อย่างหนึ่งอย่างใด ทั้งกำนันก็ไม่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใดที่จะมาแบ่งที่พิพาทให้จำเลยได้ จำเลยไม่มีสิทธิอย่างใดในที่พิพาทของโจทก์ เมื่อจำเลยเข้าทำนาในที่พิพาทโดยพลการ ทำให้โจทก์เสียหาย การกระทำของจำเลยก็เป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิในทรัพย์ของโจทก์ จำเลยจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้โจทก์ และที่ศาลอุทธรณ์คิดค่าเสียหายมานั้นก็หาเกินสมควรแก่รูปคดีไม่

พิพากษายืน

Share