แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเป็นคนก่อเหตุขึ้นในวงรำวงก่อน แล้วมีผู้มาห้าม ระหว่างที่พูดขอร้องอยู่นั้น มีคนอีกคนหนึ่งสืบเท้าเข้ามาเอามีดพกปลายแหลมแทงผู้กล่าวห้าม 1 ที แล้วเอามีดกลับใส่ฝักเดินกลับไปยืนอยู่ในหมู่คน ผู้ถูกแทงเซไป จำเลยจึงเงื้อมีดจะแทงผู้นั้นบ้าง แต่มีผู้จับมีดไว้ได้เสียก่อน ดังนี้ จะถือว่าจำเลยสมคบกับผู้ที่แทงคนแรกในการทำร้ายร่างกายผู้ห้ามนั้น ยังไม่ได้
ย่อยาว
คดีได้ความว่า ในคืนวันเกิดเหตุเวลาราว 22.00 นาฬิกา สิบเอกสละเข้าไปโค้งหญิงคนหนึ่งเพื่อขอรำวง จำเลยที่ 2 ได้เข้าไปโค้งบ้าง แต่หญิงนั้นปฏิเสธและออกร่ายรำไปกับสิบเอกสละพอพ้นไปได้สัก 3 ก้าวจำเลยที่ 2 ชก ส.อ.สละถูกที่ท้ายทอยแล้วเลี่ยงไปยืนอยู่ที่หน้ากองเชียร์ ส.อ.สละเดินเข้าไปถามว่าชกทำไม จำเลยที่ 2 กลับชักมีดพกปลายแหลมออกมาถือคุมเชิงพวกกองเชียร์ต่างฉวยมีดไม้ และพูดท้าทายเป็นเชิงชวนวิวาทนายพงษ์ศักดิ์ผู้เป็นญาติกับเจ้าของบ้าน และได้ไปช่วยงานอยู่ที่นั่น จึงเดินเข้าไปห้ามพร้อมกับนายกลาย นายพงษ์ศักดิ์กำลังยกมือขึ้นโบกและร้องว่า “เลิกกันที ขอที” จำเลยที่ 1 ก็สืบเท้าเข้าไปใช้มีดพกปลายแหลมแทงเอา 1 ที ถูกที่ชายโครงด้านขวาแล้วเอามีดพกนั้นกลับใส่ฝัก เดินกลับเข้าไปยืนปนกับพวกกองเชียร์นายพงษ์ศักดิ์เซไปทางหลัง ส.ท.ปรีดา จำเลยที่ 2 เงื้อมีดจะแทงซ้ำแต่ ส.ท.ปรีดาจับมีดนั้นไว้ได้ทัน จำเลยที่ 2 กระชากมีดกลับไปมีดเลยบาดเอานิ้วกลาง, นิ้วนาง ส.ท.ปรีดามีบาดเจ็บ รุ่งขึ้นนายพงษ์ศักดิ์ก็ตายเพราะพิษบาดแผลที่ถูกจำเลยที่ 1 แทงนั้น
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยที่ 1-2 สมคบกันทำร้ายนายพงษ์ศักดิ์ตายโดยเจตนา เฉพาะจำเลยที่ 2 ผิดฐานพยายาม จึงพิพากษาลงโทษตามมาตรา 249, 63, 60 และเฉพาะจำเลยที่ 2 ผิดตามมาตรา 254 ด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 ผิดตามมาตรา 249ส่วนจำเลยที่ 2 ผิดเพียงมาตรา 254
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 สมคบกับจำเลยที่ 1 ในการฆ่านายพงษ์ศักดิ์ ขอให้ลงโทษตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่กล่าว คดีเห็นได้ชัดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นในปัจจุบันทันด่วน โดยจำเลยที่ 1 ก้าวเท้าเข้าไปแทงนายพงษ์ศักดิ์เฉย ๆ แล้ว ก็เก็บมีดใส่ฝักเดินกลับออกไปจำเลยที่ 2 เห็นเขาแทงกันได้ ใคร่จะแสดงฝีมือบ้างจึงเงื้อมีดเข้าไปจะแทงซ้ำ เป็นเรื่องต่างจิตต่างใจและเป็นการกระทำคนละขณะหาใช่รู้เห็นร่วมใจกันสมคบกันไม่ จำเลยที่ 2 จึงมีผิดฐานทำให้ส.ท.ปรีดาบาดเจ็บเท่านั้น และควรวางโทษให้แรงขึ้นอีก
จึงพิพากษาแก้ให้จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี นอกจากนี้ยืน