คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1541/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยตามหน้าที่ในข้อหาวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า และให้จำเลยไปสถานีตำรวจ โดยผู้เสียหายไปรออยู่ที่นั่น เพื่อนำจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พอจำเลยมาถึงสถานีตำรวจก็กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายว่า “ลื้อจับแบบนี้แกล้งจับอั๊วนี่หว่า ไม่เป็นไรไว้เจอกันเมื่อไหร่ก็ได้” ดังนี้เป็นการดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ เพราะการที่ผู้เสียหายให้จำเลยไปที่สถานีตำรวจ เพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก็อยู่ในระหว่างจำเลยถูกจับกุมนั่นเอง เมื่อจำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายในระหว่างนั้น จึงถือว่าจำเลยกล่าวขณะถูกจับกุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ซึ่งกระทำการตามหน้าที่ตามกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ ฐานวางสิ่งของกีดขวางสัญจร ตามพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด ฯ มาตรา ๙ และฐานหลบหนีการควบคุมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๙๐
จำเลยรับสารภาพว่าได้วางตั้งคานเหล็กกีดขวางทางสัญจรจริง แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้ดูหมิ่นเจ้าพนักงานและไม่ได้หลบหนีการควบคุม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๖ และพระราชบัญญัติรักษาความสะอาด ฯ รวม ๒ กระทง ลงกึ่งฐานรับสารภาพแล้ว คงปรับสำหรับกระทงแรก ๒๐๐ บาท และกระทงหลัง ๒๕ บาท
จำเลยอุทธรณ์เป็นข้อกฎหมายว่า จำเลยมิได้ดูหมิ่นผู้เสียหายขณะกระทำการตามหน้าที่จึงไม่มีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จ่าสิบตำรวจชูศักดิ์ ผู้เสียหายได้จับกุมจำเลยตามหน้าที่ในข้อหาวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า และให้จำเลยไปที่สถานีตำรวจ โดยผู้เสียหายไปรอจำเลยอยู่ที่นั่น เพื่อนำจำเลยส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี พอจำเลยมาถึงสถานีตำรวจก็กล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายว่า ” ลื้อจับแบบนี้แกล้งจับอั๊วนี่หว่า ไม่เป็นไรไว้เจอกันเมื่อไรก็ได้ ”
ปัญหาว่าการกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นผู้เสียหายขณะที่จำเลยตามมาที่สถานีตำรวจ มิได้กล่าวขณะจับกุม ณ ที่เกิดขึ้น เช่นนี้จะเป็นความผิดดังฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การกล่าวถ้อยคำดูหมิ่นที่จะเป็นความผิดตามมาตรา ๑๓๖ แห่งประมวลกฎหมายอาญานั้น หาจำต้องกล่าวในขณะแรกที่ผู้เสียหายจับกุมจำเลยในความผิดฐานวางคานเหล็กกีดขวางทางเท้า ณ ที่เกิดเหตุแต่ประการใดไม่ การที่ผู้เสียหายให้จำเลยไปสถานีตำรวจเพื่อนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีก็อยู่ในระหว่างจำเลยถูกจับกุมนั่นเอง แต่เพื่อความสะดวก ทั้งเป็นความผิดเล็กน้อย ผู้เสียหายจึงให้จำเลยไปยังสถานีตำรวจเอง เมื่อจำเลยกล่าวถ้อยคำดูหมิ่น ผู้เสียหายในระหว่างนั้นก็ถือว่าจำเลยกล่าวขณะถูกจับกุม จำเลยหาพ้นความผิดไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share