แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคดีที่ฟ้องหาว่าจำเลยลักทรัพย์ ในฟ้องไม่ปรากฎว่า ทรัพย์ที่ถูกลักได้ถูกจับมาเป็นของกลางแต่อย่างใดและในคดีนั้นศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ ศาลก็ย่อมไม่สั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ถูกลักไป
เช่าสถานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียน ทำการสอนหนังสือเด็กเท่านั้น แม้จะมีครูผู้ดูแลอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ทำให้สถานที่นั้นเป็น ” เคหะ ” อันอยู่ในความคุ้มครองของพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันบุกรุกเข้าไปในโรงเรียนที่โจทก์เป็นผู้เช่า และจัดการทำให้ทรัพย์ของโจทก์เสียหาย ทั้งยังได้ลักเอาสังกะสีไปอีก ๑๗ แผ่น ขอให้ลงโทษฐานบุกรุก ทำให้เสียหายและลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง ๕ คนผิดฐานบุกรุกตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๒๙ ข้ออื่นให้ยกฟ้อง
คู่ความทุกฝ่ายอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
อัยการและนายโจ๊เอี่ยมฎีกาในปัญหาข้อสั่งคืนของกลางและข้อควรผิดตามพ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่าด้วย
ศาลฎีกาเห็นว่า ฎีกาข้อแรก ในฟ้องไม่ปรากฎว่า สังกะสีรายนี้ได้ถูกจับหรือยึดมาเป็นของกลางแต่อย่างใดและศาลฟังว่าจำเลยไม่มีผิดฐานลักทรัพย์ คือสังกะสีนั้นแล้วศาลจะสั่งให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาสังกะสีอย่างไรได้
ส่วนฎีกาข้อ ๒ ศาลอุทธรณ์ฟังแล้วว่า การเช่าสถานที่รายนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นโรงเรียนทำการสอนเด็กเท่านั้นแม้จะมีครูผู้ดูและอาศัยอยู่ด้วย ก็หาทำให้สถานที่นี้เป็น ” เคหะ ” อันอยู่ในความคุ้มครอง พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ไม่ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ
จึงพิพากษายืน