คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 154/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาและศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาแล้วเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลอื่นสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้ว ดังนั้น เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2 แล้ว อำนาจสั่งจำหน่ายคดีเป็นอำนาจของศาลฎีกา การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องโดยมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาดและพิพากษาให้ล้มละลาย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้พิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยทั้งสามเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 14 จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “สำหรับจำเลยที่ 2 หลังจากจำเลยที่ 2ยื่นฎีกาแล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้รายงานต่อศาลว่า จำเลยที่ 2 ถูกศาลแพ่งธนบุรีสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดในคดีล้มละลายหมายเลขแดงที่ ล.124/2532 ของศาลแพ่งธนบุรีแล้วตั้งแต่วันที่20 สิงหาคม 2533 ขอให้สั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 คดีนี้ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 เห็นว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นฎีกา และศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 2แล้ว อำนาจสั่งจำหน่ายคดีเป็นอำนาจของศาลฎีกาที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไขให้ถูกต้อง โดยมีคำสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 ออกจากสารบบความตามพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 15”
พิพากษายืน

Share