แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การเช่าที่โจทก์จำเลยตกลงกันมีกำหนด 10 ปี เมื่อยังมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ โจทก์จะมาฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าห้องรายพิพาทมีกำหนด 10 ปี และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้
การที่โจทก์จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพื่อจะเช่าห้องรายพิพาทต่อกัน ยังถือไม่ได้ว่าได้ทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าอาคารรายพิพาทจากบิดาจำเลย เมื่อบิดาจำเลยตาย จำเลยเป็นผู้รับมรดก ได้ถือสิทธิเป็นผู้ให้เช่าและรับชำระค่าเช่าจากโจทก์ตลอดมา เมื่อสัญญาเช่าจะสิ้นอายุ จำเลยได้ตกลงให้โจทก์เช่าต่อไปอีกมีกำหนด 10 ปี โดยตกลงว่าจะไปจดทะเบียนการเช่าต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ และโจทก์จำเลยได้ยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมการเช่าอาคารตามที่ตกลงกันไว้แล้ว จำเลยได้รับเงินค่าเช่าเดือนแรกไปจากโจทก์แล้วด้วย ต่อมาจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมไปทำหนังสือและจดทะเบียนการเช่าตามที่ตกลงไว้ ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าโจทก์เป็นผู้เช่าอาคารพิพาทมาดังฟ้องเมื่อจะครบกำหนดตามสัญญาเช่าเดิมโจทก์ได้ขอเช่าต่อโดยตกลงจะให้เงินค่าสมนาคุณแก่จำเลยเป็นเงิน 90,000 บาท มีกำหนดระยะเวลาเช่า 10 ปี โจทก์ได้ให้เงินค่าสมนาคุณแก่จำเลย 2 งวด เป็นเงิน 32,000 บาท และถือเป็นเงินมัดจำ จำเลยได้ร้องขอจดทะเบียนการเช่าให้โจทก์ และพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประกาศการขอจดทะเบียนการเช่าดังกล่าว เมื่อครบกำหนดประกาศ จำเลยได้เตือนให้โจทก์ไปทำการจดทะเบียนการเช่า โจทก์ก็บิดพลิ้ว เพิกเฉยจึงเป็นผู้ผิดนัดจำเลยจึงมีสิทธิริบเงินมัดจำ จำเลยบอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ยังอยู่ในอาคารพิพาท ทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ขับไล่โจทก์และบริวาร และขอให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยไม่เคยรับเงินมัดจำจากโจทก์เงิน 2 งวดที่จำเลยรับไปจากโจทก์เป็นเงินที่จำเลยกู้จากโจทก์ โจทก์ได้ชำระเงินค่าสมนาคุณ 90,000 บาทให้แก่จำเลยแล้ว จำเลยไม่มีอำนาจบอกเลิกการเช่า จำเลยเป็นฝ่ายบิดพลิ้วขอให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย บังคับคดีตามฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้บอกเลิกการเช่าโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว โจทก์ยังอยู่ในห้องรายพิพาทต่อไป เป็นละเมิด โจทก์ต้องรับผิดในค่าสินไหมทดแทน พิพากษายกฟ้องโจทก์ให้ขับไล่โจทก์และบริวาร ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลย
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้บอกเลิกการเช่าแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ในห้องรายพิพาทตอ่ไป การเช่าที่โจทก์จำเลยตกลงกันมีกำหนด 10 ปี เมื่อยังมิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โจทก์จะมาฟ้องบังคับให้จำเลยทำสัญญาเช่าห้องรายพิพาทมีกำหนด10 ปี และจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ได้ การที่โจทก์จำเลยยื่นเรื่องราวขอจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเพื่อจะเช่าห้องรายพิพาทต่อกัน ยังถือไม่ได้ว่าได้ทำสัญญาเช่ากันเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ จำเลยไม่ได้รับเงินกินเปล่า 90,000 บาท จากโจทก์ จำเลยควรได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ แต่ให้หักเงินค่าเช่าที่ภริยาจำเลยรับไว้จากโจทก์
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้โจทก์ใช้ค่าสินไหมทดแทนเดือนกันยายน 2505 แก่จำเลย 980 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์