แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีเดิมของศาลชั้นต้น เรื่องขอจัดการมรดก ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ร. ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของ ร. เมื่อ ร. ถึงแก่ความตายและมีเหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก จึงมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของ ร. คดีนี้ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า ว. ผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีดังกล่าวเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับโจทก์ บิดาของโจทก์และ ว. คือ ม. เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับ ร. เจ้ามรดก ร. หย่ากับสามีและไม่มีบุตร ม. ถึงแก่ความตายก่อน ร. ส่วน ธ. บุตรบุญธรรมของ ร. ขอสละมรดก ว. และโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกแทนที่ ม. ทายาทโดยธรรมในลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิรับมรดกของ ร. ถือว่า ว. และโจทก์อยู่ในฐานะเดียวกัน เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีดังกล่าวแล้วว่า ร. ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดก อันเป็นการวินิจฉัยว่าพินัยกรรมดังกล่าวมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย มิใช่พินัยกรรมปลอมหรือเกิดจากการถูกหลอกลวง การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกโดยอ้างว่า ร. ไม่มีเจตนาทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้จำเลย แต่เกิดจากจำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวง จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 144
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า พินัยกรรมของนางราศรี ที่จำเลยนำมาแสดงต่อศาลชั้นต้นเป็นพินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนพินัยกรรม
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ว พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาและคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และจำเลยต่อไป และวินิจฉัยในประเด็นอื่นที่ยังมิได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยในประการแรกว่า ฟ้องคดีนี้เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีหมายเลขดำที่ 1520/2548 หมายเลขแดงที่ 3808/2548 ของศาลชั้นต้นหรือไม่ เห็นว่า คดีหมายเลขดำที่ 1520/2547 หมายเลขแดงที่ 3808/2548 ของศาลชั้นต้น ระหว่าง นายโชคชัย ผู้ร้อง นางวิไลวรรณ ที่ 1 นายธราธิป ที่ 2 ผู้คัดค้าน เรื่องขอจัดการมรดก ศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้แล้วว่า นางราศรี ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องจึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของนางราศรี เมื่อนางราศรีถึงแก่ความตายและมีเหตุขัดข้องในการจัดการทรัพย์มรดก จึงมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนางราศีในคดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า นางวิไลวรรณ ผู้คัดค้านที่ 1 ในคดีดังกล่าวเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับโจทก์ บิดาของโจทก์และนางวิไลวรรณคือนายมิลินทร์ เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับนางราศรี เจ้ามรดก นางราศรีหย่ากับสามีและไม่มีบุตร นายมิลินทร์ถึงแก่ความตายก่อนนางราศรี ส่วนนายธราธิป บุตรบุญธรรมของนางราศรีขอสละมรดก นางวิไลวรรณและโจทก์ซึ่งเป็นผู้รับมรดกแทนที่ นายมิลินทร์ทายาทโดยธรรมในลำดับที่ 3 จึงมีสิทธิรับมรดกของนางราศรี ถือว่านางวิไลวรรณและโจทก์อยู่ในฐานะเดียวกัน เมื่อศาลชั้นต้นวินิจฉัยไว้ในคดีดังกล่าวแล้วว่า นางราศรีได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกทั้งหมดให้แก่ผู้ร้องและตั้งผู้ร้องซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้เป็นผู้จัดการมรดกอันเป็นการวินิจฉัยว่า พินัยกรรมมีผลบังคับได้ตามกฎหมาย มิใช่พินัยกรรมปลอมหรือเกิดจากการถูกหลอกลวง การที่โจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อีกโดยอ้างว่า นางราศรีไม่มีเจตนาทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้จำเลย แต่เกิดจากจำเลยกับพวกใช้อุบายหลอกลวง จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาในประเด็นที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดไว้แล้ว อันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144 ซึ่งบทบัญญัติมุ่งประสงค์ที่จะให้คู่ความรวมทั้งผู้ที่อยู่ในฐานะเดียวกันต้องผูกพันตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลที่วินิจฉัยไว้แล้ว ห้ามดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำอีก หากไม่พอใจคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลต้องอุทธรณ์และฎีกาตามบทบัญญัติว่าด้วยการอุทธรณ์และฎีกาต่อไป มิฉะนั้นแล้วคู่ความหรือผู้ที่อยู่ในฐานะเดียวกับคู่ความอาจขอให้ศาลวินิจฉัยใหม่ในประเด็นที่วินิจฉัยมาแล้วอีก ทำให้กระบวนพิจารณาไม่อาจดำเนินต่อไปได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยในข้อนี้ฟังขึ้นและไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาของจำเลยในข้ออื่น เพราะไม่ทำให้ผลคดีเปลี่ยนแปลงไป
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ