แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข -4075โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายโจทก์ ได้ใช้ ค่าเสียหายแก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงรับช่วงสิทธิ เรียกร้องเอาแก่จำเลยแม้ทางพิจารณาจะได้ความว่ารถยนต์ที่ จำเลยขับเป็นรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข – 4095 ซึ่ง แตกต่างกับที่กล่าวในฟ้องก็ตามก็เป็นเพียงการแตกต่าง เกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้นข้อสำคัญแห่งประเด็น อยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์ รับประกันภัยหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยก็ชอบที่จะ ให้จำเลย ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข-4075โดยประมาทชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5 ม-3941 ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ชำระค่าซ่อมรถให้แก่ผู้เอาประกันภัยไปแล้ว จึงขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7 ข-4075ชนรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 5 ม-3941 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า คดีคงมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่โจทก์ฟ้องระบุเลขทะเบียนรถคันที่จำเลยขับชนว่าหมายเลขทะเบียน7 ข-4075 แต่ทางพิจารณาได้ความว่ารถที่จำเลยขับหมายเลขทะเบียน 7 ข-4095เช่นนี้จะถือว่าเป็นข้อแตกต่างในสาระสำคัญที่จะต้องยกฟ้องโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าการที่โจทก์บรรยายฟ้องระบุเลขทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยขับว่าเลขทะเบียน7ช-4075 แต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า รถยนต์ที่จำเลยขับเลขทะเบียน 7ข-4095 ก็เป็นเรื่องแตกต่างกันเกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์เท่านั้น เพราะข้อสำคัญแห่งประเด็นอยู่ที่ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันหรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้ขับรถยนต์โดยประมาทชนรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัย และโจทก์ได้รับช่วงสิทธิ แม้โจทก์จะบรรยายฟ้องถึงเลขทะเบียนรถยนต์ที่จำเลยขับชนผิดไป เมื่อจำเลยเป็นผู้ทำละเมิด ก็ชอบที่จะบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ผู้รับช่วงสิทธิในฐานะที่จำเลยเป็นผู้ทำละเมิดได้
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น