คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เช็คที่จำเลยออกให้ ส. ไม่ใช่เช็คขีดคร่อม กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 997 วรรค 3 ซึ่งบัญญัติยกเว้นความรับผิดของธนาคารไว้ เมื่อธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คไปโดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อและแม้เงินในบัญชีของจำเลยจะมีไม่พอจ่ายก็ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 991 ก็หาได้บังคับโดยเฉียบขาด มิให้ธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีของผู้เคยค้าไม่ดังนั้นจำเลยต้องรับผิดต่อธนาคารโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกค้าของธนาคารโจทก์มีบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวัน ต่อมาจำเลยได้ตกลงกับธนาคารโจทก์ขอเบิกเงินเกินบัญชีโดยวิธีบัญชีเดินสะพัดเป็นการชั่วคราว ยอมเสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 14 ต่อปีของจำนวนเงินที่เบิกเกินบัญชี โดยคิดทบต้นเป็นรายเดือน จำเลยใช้เช็คเบิกเงินเกินบัญชีรวม 4 ครั้ง เป็นเงิน 37,347 บาท เมื่อหักทอนบัญชีแล้ว จำเลยเป็นหนี้ธนาคารโจทก์อยู่ 29,788.44 บาท คิดรวมดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน 81,950.44บาท ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปีนับแต่วันฟ้องถึงวันชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยไม่ได้ขอเบิกเงินเกินบัญชีโดยวิธีบัญชีเดินสะพัด โจทก์จ่ายเงินตามเช็คเมื่อเงินในบัญชีของจำเลยมีไม่พอจ่าย ซึ่งธนาคารโจทก์มีสิทธิไม่จ่าย และจ่ายโดยไม่สมประโยชน์ของจำเลยโดยจำเลยไม่รับรู้ด้วย จะเรียกร้องให้ จำเลยรับผิดไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า พยานหลักฐานของโจทก์ฟังไม่ได้ว่าธนาคารโจทก์กับจำเลยตกลงเปิดบัญชีเดินสะพัดต่อกัน การที่ธนาคารโจทก์จ่ายเงินเกินบัญชีไปอาจเพื่อช่วยลูกค้าของตน แม้เช็คที่จำเลยออกให้นายสมบูรณ์จะไม่มีหนี้ต่อกันตามที่จำเลยนำสืบก็ต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 916จำเลยต้องรับผิดตามเช็คที่จำเลยเป็นผู้สั่งจ่ายและเบิกเกินบัญชีไป พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 29,788.44 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจากจำนวนดังกล่าวนับแต่วันที่ 19 มีนาคม 2517 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นวันที่โจทก์ทวงถามกำหนดให้ชำระหนี้จนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยฎีกา

วินิจฉัยว่า จำเลยเป็นผู้เคยค้ากับธนาคารได้ออกเช็คสั่งจ่ายเงิน 30,000บาทให้นายสมบูรณ์และธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คนั้นให้แก่นายสมบูรณ์ไปแล้วจำเลยจึงต้องตกเป็นลูกหนี้ธนาคารตามจำนวนเงินที่ธนาคารได้จ่ายไปตามเช็คนั้น แม้เงินในบัญชีของจำเลยจะมีไม่พอจ่าย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 991 ก็หาได้บังคับโดยเฉียบขาดมิให้ธนาคารจ่ายเงินเกินบัญชีของผู้เคยค้าไม่ และเช็คที่จำเลยออกให้นายสมบูรณ์ก็ไม่ใช่เช็คขีดคร่อม กรณีต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 997 วรรคสาม ซึ่งบัญญัติยกเว้นความรับผิดของธนาคารไว้ เมื่อธนาคารได้จ่ายเงินตามเช็คไป โดยสุจริตและปราศจากความประมาทเลินเล่อ ธนาคารโจทก์จึงไม่ต้องรับผิดในจำนวนเงินที่จ่ายไปตามเช็คนั้น ศาลฎีกาเห็นด้วยในผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

พิพากษายืน

Share