คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1530/2479

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

+ซึ่งเดินอยู่ในทางของรถดับเพลิงที่กำลังใช้แตรเสียงครวญครางจะต้องหลบให้ทางแก่รถดับเพลิงคันนั้น หากแม่หลบให้ทางและเกิดชนกันขึ้น ผู้ขับจะต้องมีผิดตาม ม.26-33 แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบก ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร ม.12 ยังมิเกิดมีขึ้นจนกว่าเจ้าพนักงานจราจรจะได้ประกาศว่าถนนใดเป็นถนนเอกถนนโท ปรากฎตามใบแดงแจ้งโทษว่าปรับ 30 บาทแต่ไม่ปรากฎว่าลงโทษตามมาตราใด ศาลถือว่าถูกลงโทษในความผิดลหุโทษ ความผิดครั้งแรกและครั้งหลังเป็นความผิดลหุโทษจะนำกฎหมายอาญา ม.72 มาใช้เพิ่มโทษจำเลยมิได้

ย่อยาว

มูลกรณีเรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากรถดับเพลิงที่สิบตำรวจโททองคำ เป็นผู้ขับเกิดชนกันขึ้นกับรถยนต์ส่วนตัวของนายฮ่อเซ็งซึ่งนายเทียมเป็นผู้ขับ เป็นเหตุให้ตำรวจผู้หนึ่งในรถดับเพลิงจำเลยเอง นายฮ่อเซ็งนางสมร นางสาวจำรัส ผู้โดยสารมาในรถของนายฮ่อเซ็งและนางไล้มีบาดเจ็บอัยยการตำรวจจึงฟ้องนายเทียมขอให้ลงโทษสำนวนหนึ่ง นายฮ่อเซ็งกับพวกได้เป็นโจทก์ฟ้องสิบตำรวจโททองคำผู้ขับรถดับเพลิงเป็นจำเลยอีกสำนวนหนึ่ง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่ารถดับเพลิงได้เปิดแตรเสียงครางครวญไปตลอดทางและนายเทียมก็ได้ยินเสียงแตรนี้แล้ว ตามม.๒๖ แห่งพ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.๒๔๗๗ บัญญัติให้รถหรือบุคคลเดินเท้าในทางต้องหลบหยุดให้ทางแก้รถดับเพลิงขณะเมื่อรถนี้ใช้แตร่เสียงครางครวญ คำว่า”ในทาง” ตามมาตรานี้หมายถึงทางที่รถดับเพลิงจะวิ่งผ่านไป นายเทียมจำเลยหาได้หยุดรถหลบให้ทางแก่รถดับเพลิงไม่ จึงเกิดชนกันขึ้น ต้องนับว่าฝ่าฝืน ม.๒๖ และต้องรับโทษตาม ม.๖๖ และผลของการโดยกันนี้ทำให้บุคคลได้รับบาดเจ็บอีกด้วย นายเทียมจำเลยจึงต้องมีผิดตามกฎหมายอาญา ม.๓๓๘ ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ถือว่านายเทียมไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนตาม ม.๑๒ และ ๒๙ ด้วยนั้น เห็นว่าตาม ม.๑๒ ยังมิได้มีประกาศของเจ้าพนักงานจราจรว่าถนนใดเป็นถนนเอกหรือถนนโท จึงทราบไม่ได้ว่ารถคันใดอยู่ในถนนชนิดใด และไม่ได้ความชัดว่านายเทียมทำผิด ม.๒๙ จึงลงโทษตามมาตรานี้มิได้ เมื่อได้ความว่าเหตุชนกันเกิดเพราะความผิดของนายเทียมแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยสำนวนที่นายเทียมแล้ว ก็ไม่จำต้องวินิจฉัยสำนวนที่นายเทียมกับพวกเป็นโจทก์ต่อไป ส่วนข้อที่ศาลชั้นต้นเพิ่มโทษนายเทียมนั้นเห็นว่าตามใบแดงแจ้งโทษ ปรากฎว่าถูกปรับ ๓๐ บาทโดยไม่ปรากฎว่าทำผิดมาตราไหน ศาลฎีกาจึงถือว่าเป็นความผิดลหุโทษ จึงเพิ่มไม่ได้ ในคดีนี้นายเทียมถูกลงโทษตามกฎหมายอาญามาตรา ๓๓๘ ข้อ ๒ แล ม.๖๖ แห่ง พ.ร.บ.จราจร อันนับว่าเป็นความผิดลหุโทษด้วย ฉะนั้นจึงเพิ่มโทษจำเลยตาม ม.๗๒ ที่โจทก์อ้างมามิได้ จึงพิพากษาให้ปรับนายเทียมจำเลยตามกฎหมายอาญา ม.๓๓๘ ข้อ ๒ และ พ.ร.บ.จราจรทางบก ม.๒๖-๖๖ ให้ปรับ ๖๐ บาทให้ยกคดีที่นายเทียมกับพวกเป็นโจทก์เสีย

Share