คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1529/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นผู้รักษาเงินของบริษัทโจทก์ มีหน้าที่รับเงินจากพนักงานขายนำฝากธนาคารเป็นรายวันตามยอดที่รับไว้ จำเลยยักยอกเงินสดของโจทก์ที่จะต้องฝากเข้าธนาคารแล้วออกเช็คของจำเลยนำเข้าฝากธนาคารแทน เพื่อจะไม่ให้โจทก์รู้ความจริง และต้องการปิดบังความผิดฐานยักยอกธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็คที่จำเลยออก โจทก์ดำเนินคดีแก่จำเลยฐานยักยอกศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ ดังนี้ จำเลยมิได้ออกเช็คที่ฟ้องโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็ค ทั้งศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องไปจนคดีถึงที่สุดแล้วด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาโพธาราม จำนวน ๓๘ ฉบับ ชำระหนี้โจทก์เป็นเงิน ๒๙๕,๐๐๐ บาท โดยลงวันที่สั่งจ่ายวันเดียวกันบ้างต่างวันกันบ้าง ตามรายละเอียดในฟ้อง โจทก์นำเช็คทั้งหมดเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงินปรากฏว่าธนาคารนครหลวงไทย จำกัด สาขาโพธาราม ปฏิเสธการจ่ายเงินทุกฉบับ ทั้งนี้จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คนั้น ออกเช็คโดยขณะออกไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ หรือออกเช็คให้ใช้เงินมีจำนวนสูงกว่าจำนวนที่มีอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ในขณะที่ออกเช็ค ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องมีคำสั่งให้รับประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ และต่อสู้ว่าเป็นฟ้องซ้ำกับคดีอาญาหมายเลยแดงที่ ๗๗๒/๒๕๑๙ ของศาลแขวงราชบุรี
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าจำเลยยักยอกเงินของโจทก์แล้วออกเช็คตามฟ้องไว้แทน เพื่อปิดบังความผิด ต่อมาจำเลยถูกดำเนินคดีฐานยักยอกเงินดังกล่าว ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยคดีถึงที่สุด สิทธิฟ้องคดีของโจทก์เกี่ยวกับการออกเช็ค ซึ่งเกิดจาการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกับความผิดฐานยักยอกจึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔) พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายว่า สิทธิฟ้องคดีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คของโจทก์ยังไม่ระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๔)
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยออกเช็คตามฟ้องโดยไม่เจตนาจะใช้เช็คนั้นชำระหนี้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาว่า จำเลยออกเช็คตามฟ้องชำระหนี้เงินที่ยักยอกไปจากโจทก์ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค ถือว่าเป็นความผิดตามฟ้องแล้ว และความผิดฐานยักยอกเงินของโจทก์กับการออกเช็คชำระหนี้เงินที่จำเลยยักยอกเป็นความผิดต่างกรรมกัน สิทธิในการฟ้องคดีนี้ของโจทก์ไม่ระงับ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์แล้วจำเลยเป็นผู้รักษาเงินของบริษัทโจทก์ สาขาราชบุรี มีหน้าที่รับเงินจากพนักงานขายแล้วนำฝากธนาคารเป็นรายวันตามยอดที่รับไว้ การฝากเงินบางครั้งจะมีเช็คลูกค้านำเข้าฝากพร้อมกับเงินสดด้วย ในบัญชีรับฝากของธนาคารจะระบุว่าเงินที่นำเข้าฝากเป็นเงินสดหรือเช็ค แต่ไม่ระบุว่าเป็นเช็คของผู้ใด จำเลยยักยอกเงินสดของโจทก์ที่จะต้องฝากเข้าธนาคารแล้วออกเช็คของจำเลยตามฟ้องนำเข้าฝากธนาคารแทน เพื่อจะไม่ให้โจทก์รู้ความจริงและต้องการปิดบังความผิดฐานยักยอก เพราะมีผลให้ยอดเงินฝากครบถ้วน ต่อมาผู้จัดการสาขาของโจทก์รู้ความจริง เนื่องจากมีระเบียบของโจทก์ห้ามพนักงานจ่ายเช็คส่วนตัวให้โจทก์ โจทก์จึงดำเนินคดีกับจำเลยฐานยักยอก ศาลพิพากษาลงโทษจำเลย คดีถึงที่สุด ก่อนที่โจทก์จะฟ้องคดีนี้ เช็คตามฟ้องที่จำเลยออกไว้ก็เพื่อเป็นหลักฐานว่าได้รับเงินเป็นเช็คไว้ไม่ให้โจทก์รู้ความจริงว่าจำเลยได้รับเงินสด และปิดบังความผิดฐานยักยอกเอาเงินสดของโจทก์ไป จำเลยมิได้ออกเช็คที่ฟ้องโดยเจตนาที่จะให้มีการใช้เงินตามเช็ค ทั้งเมื่อศาลได้พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็คที่โจทก์นำมาฟ้องไปจนคดีถึงที่สุดแล้วด้วย การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค
พิพากษายืน

Share