คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1526/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินเป็นของบุคคลภายนอก โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งหมดสัญญาเช่าแล้วไม่ยอมออก กับค้างค่าเช่าห้องและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การรับว่า ได้เช่าจากโจทก์จริงแต่จำเลยได้ดัดแปลงห้องเช่ามีราคาสูงขึ้น และได้เป็นผู้เช่าที่ดินซึ่งปลูกห้องแถวนั้น แล้วขอฟ้องแย้งให้โจทก์รื้อห้องแถวหรือถ้ารื้อไม่ได้ก็ให้ใช้ค่าดัดแปลงห้อง ฟ้องแย้งดังนี้ ไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยซึ่งเป็นผู้เช่าออกจากห้องเช่าของโจทก์และเรียกค่าเสียหายด้วย

จำเลยให้การว่า ห้องเช่าเป็นของสามีโจทก์ สามีโจทก์ให้โจทก์เข้ามาเป็นคู่สัญญากับจำเลยในการเช่าโดยฝืนใจจำเลย จำเลยยอมเซ็นสัญญาเช่าโดยไม่สมัครใจ และว่าจำเลยได้ซ่อมแซมดัดแปลงห้องเช่าสิ้นเงินไป 38,989 บาท ต่อมาจำเลยได้ให้ตัวแทนไปเช่าที่ดินปลูกห้องแถวรายนี้ได้จากการรถไฟแห่งประเทศไทย ครั้นโจทก์จะขึ้นค่าเช่าและเรียกเงินกินเปล่าจากจำเลย ๆ จึงแจ้งให้โจทก์รื้อห้องออกจากที่ดินซึ่งตัวแทนของจำเลยเช่าจากการรถไฟ จำเลยขอฟ้องแย้งด้วยว่า ให้โจทก์รื้อห้องเช่าออกไป ถ้ารื้อไม่ได้ ให้โจทก์ใช้ค่าเสียหาย 38,989 บาท แก่จำเลย

ศาลจังหวัดสระบุรีสั่งรับคำให้การแต่ไม่รับฟ้องแย้ง โดยอ้างว่า เมื่อจำเลยรับว่าได้เช่าจากโจทก์จริงแล้ว ฟ้องแย้งจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม

จำเลยอุทธรณ์ว่า ฟ้องแย้งเกี่ยวกับห้องเช่า หากจำเลยไม่ฟ้องแย้งแต่ไปฟ้องเรียกค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เกี่ยวกับห้องเช่านี้ในภายหลัง อาจเป็นการฟ้องซ้ำ

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ค่าดัดแปลงต่อเติมห้องเช่าซึ่งจำเลยฟ้องแย้งนั้น ได้ทำการดัดแปลงต่อเติมตั้งแต่ก่อนที่จำเลยทำสัญญาเช่าห้องจากโจทก์ ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่โจทก์ฟ้อง พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฟ้องแย้งขอให้รื้อห้องถ้ารื้อไม่ได้ ก็ให้ใช้ค่าเสียหายในการต่อเติมห้องนั้น เป็นคนละเรื่องไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมซึ่งเรียกค่าเช่าและขอให้ขับไล่จึงพิพากษายืน

Share