แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในคำฟ้องช่องจำเลย โจทก์เขียนว่า นายจรินทร์ จันทรศิลปิน ในฐานะส่วนตัวและในฐานะผู้ปกครองเด็กหญิงนวลจันทรก์ จันทรศิลปิน ผู้เยาว์ ดังนี้ ถือว่าโจทก์ได้ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์โดยนายจรินทร์เป็นผู้ปกครองด้วย
เมื่อจำเลยผู้หนึ่งเป็นผู้เยาว์และศาลได้ดำเนินกระบวนพิจารณาจนพิพากษาคดีไปแล้ว โดยมิได้สั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจสั่งให้แยกคดีที่จำเลยเป็นผู้เยาว์ออกเป็นคดีหนึ่งต่างหาก และให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 56 แล้วพิพากษาใหม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกมรดกของบิดาโจทก์จากเด็กหญิงนวลจันทร์ซึ่งอยู่ในความปกครองของนายจรินทร์จำเลย
จำเลยทั้งสองให้การต่อสู้ว่า ทรัพย์พิพาทตกได้แก่เด็กหญิงนวลจันทร์จำเลยตามพินัยกรรมของมารดาแล้ว ส่วนนายจรินทร์จำเลยมิได้เกี่ยวข้องกับทรัพย์พิพาทเป็นส่วนตัว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเด็กหญิงนวลจันทร์ จำเลยมีอายุเพียง ๑๐ ปีเศษ จึงเป็นผู้ไร้ความสามารถตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๖ ประกอบด้วยมาตรา ๑(๑๒) นายจรินทร์จำเลยมิใช่ผู้ปกครองหรือผู้แทนโดยชอบธรรมของเด็กหญิงนวลจันทร์จำเลย จึงให้แยกคดีที่เด็กหญิงนวลจันทร์เป็นจำเลยออกเป็นคดีต่างหากอีกคดีหนึ่ง และให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะคดีสำหรับตัวเด็กหญิงนวลจันทร์จำเลยให้ดำเนินการใหม่ให้ถูกต้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๕๖ แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ฟ้องแต่นายจรินทร์ทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กหญิงนวลจันทร์เท่านั้น มิได้ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์ด้วย และศาลอุทธรณ์มีอำนาจสั่งให้แก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถเองได้ไม่ควรสั่งให้แยกฟ้องใหม่
ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ฟ้องเด็กหญิงนวลจันทร์โดยนายจรินทร์ เป็นผู้ปกครองด้วย ส่วนการแก้ไขข้อบกพร่องในเรื่องความสามารถก็มีความเห็นเช่นศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน