แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยเช่าอู่รถยนต์พิพาทจากโจทก์โดยคิดค่าเช่ารวมกับค่าน้ำประปาด้วย มีกำหนดเวลาการเช่าที่แน่นอน สัญญาเช่าย่อมระงับสิ้นไปตามวันเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ จำเลยครอบครองทรัพย์สินที่เช่าอยู่ต่อมาหลังจากนั้นย่อมเป็นการครอบครองโดยไม่มีสิทธิเป็นการละเมิดต่อโจทก์โจทก์ชอบที่จะตัดไม่ให้จำเลยใช้น้ำประปาเพื่อบรรเทาความเสียหายที่โจทก์ได้รับอยู่ได้ ไม่เป็นการละเมิดต่อจำเลย จำเลยจะเรียกร้องให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าเสียหายใด ๆ หาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าอู่รถยนต์ของโจทก์ มีกำหนด 1 ปีครบกำหนดแล้วจำเลยทำสัญญาเช่าต่ออีก 1 ปี จำเลยค้างชำระค่าเช่าตลอดมาครบกำหนดสัญญาแล้วจำเลยก็ไม่ขนย้ายออกไป โจทก์บอกเลิกสัญญาและแจ้งให้ขนย้ายออกไปแล้ว แต่จำเลยยังเพิกเฉย ขอให้ขับไล่จำเลยให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างชำระ และค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์เสนอให้จำเลยซ่อมอู่รถยนต์พิพาทซึ่งชำรุดทรุดโทรมแล้วจะให้เช่ามีกำหนด 10 ปี จำเลยซ่อมเสร็จเมื่อต้นเดือนมกราคม 2523 สิ้นเงินไป 50,000 บาทสัญญาเช่าอู่รถยนต์พิพาทจึงเป็นสัญญาต่างตอบแทน จำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์ตลอดมา สัญญาเช่าอู่รถยนต์พิพาทยังไม่ครบกำหนด โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2529 โจทก์ตัดท่อและงดส่งน้ำให้จำเลย ทำให้จำเลยรับงานซ่อมรถยนต์ไม่ได้ เป็นการผิดข้อตกลงและเป็นการละเมิดต่อจำเลย ทำให้จำเลยขาดผลกำไรที่ควรได้ตามปกติ ขอให้ยกฟ้อง และบังคับโจทก์ให้ชดใช้ค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยมีหน้าที่จะต้องชำระค่าเช่าและค่าน้ำแก่โจทก์แต่ไม่ชำระตลอดมา โจทก์จึงชอบที่จะงดส่งน้ำให้จำเลยได้ไม่เป็นการละเมิด ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลย ให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างและค่าเสียหาย ให้ยกฟ้องแย้ง จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนปัญหาตามฎีกาของจำเลยที่ว่าจำเลยมีสิทธิเรียกค่าเสียหายตามฟ้องแย้งจากโจทก์หรือไม่เพียงใดนั้นข้อเท็จจริงคงรับฟังเป็นยุติได้ตามที่ศาลล่างวินิจฉัยมาว่า จำเลยเช่าอู่พิพาทของโจทก์เปิดรับซ่อมรถยนต์มาตั้งแต่ ปี 2521 และต่อสัญญาเช่ากับโจทก์เรื่อยมา ครั้งสุดท้ายจำเลยทำสัญญาเช่าอู่พิพาทกับโจทก์เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2527 มีกำหนด 1 ปี ตกลงให้ค่าเช่ารวมทั้งค่าน้ำประปาด้วยเดือนละ 2,000 บาท กำหนดชำระภายในวันที่ 5 ของทุกเดือนตามสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.1 หลังจากทำสัญญาแล้วจำเลยติดค้างชำระค่าเช่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2528จนถึงวันฟ้องเป็นเวลา 16 เดือนเป็นเงิน 32,000 บาท โจทก์ได้ตัดไม่ให้จำเลยใช้น้ำประปา เมื่อวันที่ 27 มกราคม 2529เป็นเหตุให้จำเลยต้องไปซื้อน้ำประปาจากผู้อื่นมาใช้ จำเลยนำสืบว่าจำเลยมีกำไรสุทธิจากการใช้อู่พิพาทรับซ่อมรถยนต์ประมาณเดือนละ15,000 บาท หลังจากโจทก์ตัดไม่ให้ใช้น้ำจำเลยต้องเสียค่าน้ำประปาที่ซื้อจากผู้อื่นมาใช้ตกเดือนละ 500-700 บาท ศาลฎีกาเห็นว่านอกจากจำเลยจะเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ชำระค่าเช่าแก่โจทก์ตลอดมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2528 สัญญาเช่าอู่พิพาทที่โจทก์จำเลยทำกันไว้ตามเอกสารหมาย จ.1 มีกำหนดเวลาที่แน่นอนย่อมจะระงับสิ้นไปตั้งแต่ในวันที่ 4ธันวาคม 2528 ซึ่งเป็นวันครบกำหนด 1 ปี ที่ได้ตกลงกันไว้โดยโจทก์ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 564 ขณะที่โจทก์ตัดไม่ให้จำเลยใช้น้ำประปาจึงเป็นเวลาที่จำเลยครอบครองอู่พิพาทอยู่โดยไม่มีสิทธิที่จะอ้างได้ตามกฎหมายเป็นการละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะตัดไม่ให้จำเลยใช้น้ำประปาเพื่อบรรเทาความเสียหายที่โจทก์ได้รับอยู่ได้ไม่เป็นการละเมิดต่อจำเลย จำเลยจะเรียกร้องให้โจทก์รับผิดชดใช้ค่าเสียหายใด ๆหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว”
พิพากษายืน