คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1521/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระเงินกู้ที่ยืมไปดังสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้อง จำเลยต่อสู้ว่าไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากันโจทก์วางเงินมัดจำไว้ และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกันและเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ได้ทำสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเอง ตามคำให้การจำเลยก็มิได้ปฏิเสธว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใดถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง โจทก์ก็ไม่ต้องนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้
เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินไว้ แต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริงๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าความจริงเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลย หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้ถูกกล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินที่กู้ไป

จำเลยต่อสู้ว่า ไม่ได้ทำหนังสือกู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ความจริงเป็นเรื่องซื้อขายนากัน โจทก์วางเงินมัดจำไว้และทำหนังสือสัญญาไว้ในลักษณะกู้ยืมกันและเงินที่จำเลยรับไว้ รับไว้ในลักษณะค่าเช่านา

คู่ความต่างไม่สืบพยาน

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมิได้ปฏิเสธสัญญาท้ายฟ้อง แต่กล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องนำสืบ เมื่อจำเลยไม่สืบพยาน จำเลยต้องแพ้คดี ให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ในตอนต้นของคำให้การจำเลยปฏิเสธว่าไม่ทำหนังสือสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้องโจทก์ก็ตาม แต่ตามคำให้การจำเลยในตอนต่อไปชี้ให้เห็นได้ชัดว่าสัญญากู้ที่จำเลยทำให้โจทก์ไว้นั้นก็คือสัญญากู้ตามสำเนาสัญญาท้ายฟ้องนั่นเองตามคำให้การจำเลยก็มิได้ต่อสู้ว่าสัญญากู้ท้ายฟ้องปลอมแปลงหรือปฏิเสธรายละเอียดของสัญญาว่าไม่ถูกต้องแต่อย่างใด ถือไม่ได้ว่าจำเลยปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้อง เมื่อจำเลยรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้กันไว้จริง ก็ไม่ต้องนำสืบพิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้การที่จำเลยปฏิเสธในตอนต้นว่ามิได้ทำหนังสือสัญญากู้เงินตามสำเนาท้ายฟ้อง จึงหมายความแต่เพียงว่าทำหนังสือสัญญากู้เงินแต่มิใช่เป็นเรื่องกู้เงินกันจริง ๆ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่ว่าเป็นเรื่องที่โจทก์จะซื้อที่นาจำเลยและเงินที่จำเลยรับไว้เป็นเงินมัดจำเป็นค่าเช่านา หน้าที่นำสืบจึงตกอยู่แก่จำเลยผู้กล่าวอ้าง เมื่อจำเลยไม่สืบพิสูจน์ว่าจำเลยไม่ต้องชำระเงินให้โจทก์ด้วยเหตุใด จำเลยก็ต้องใช้เงินให้โจทก์

พิพากษายืน

Share