คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1519/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอม โดยมีจำเลยที่ 2 นั่งซ้อนท้าย จำเลยที่ 1 มีปืนพกขนาด 11 มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอว ไม่ได้ความว่า จำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญ หรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควร จำเลยที่ 2 ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จากนั้นจำเลยที่ 1 ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือเพราะถูกยิงเพื่อจะพากันหลบหนี เป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ 1 ขับชนกับรถยนต์ของผู้ตาย จำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ 1 ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ 2 ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ 2 และของจำเลยที่ 1 ยิงผู้ตายอีกหลายนัดจนผู้ตายถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ดังนี้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดหลายกรรม กรรมหนึ่งให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต อีกสองกรรมให้ลงโทษจำคุก 1 ปี 4 เดือน ศาลชั้นต้นจึงเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี เพื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 เมื่อศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีความผิดกรรมเดียว ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดชีวิต กรณีไม่จำต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาลงโทษจำคุกจำเลยตลอดชีวิตโดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก 50 ปีได้ มิใช่เป็นการพิพากษาเพิ่มเติมโทษจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้อาวุธปืนยิงนายสินโดยเจตนาฆ่าและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน นายสินถึงแก่ความตาย ร่วมกันมีอาวุธปืนสั้นขนาด .๔๕ จำนวนสองกระบอกไม่มีหมายเลยทะเบียน ซึ่งเป็นอาวุธปืนที่จำเลยทั้งสองใช้ยิงนายสิน กับกระสุนปืนอีก ๑๔ นัด โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันใช้ป้ายทะเบียนรถจักรยานยนต์ปลอม และจำเลยที่ ๒ ได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้ขัดขวางและพยายามฆ่าจ่าสิบตำรวจทีป เจ้าพนักงานตำรวจผู้จะเข้าทำการจับกุมจำเลยอีกด้วย จำเลยที่ ๒ เคยต้องโทษจำคุกมาแล้ว ขอให้ลงโทษและเพิ่มโทษจำเลย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ จำเลยที่ ๒ รับข้อเคยต้องโทษระหว่างพิจารณาศาลอนุญาตให้นางสาวเบญจมาศบุตรผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ (๔), ๘๓ ให้ประหารชีวิต มีความผิดตามมาตรา ๒๖๘, ๘๓ จำคุกคนละ ๑ ปี มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ จำคุกคนละ ๑ ปี ลดโทษคนละหนึ่งในสามเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิตกับโทษจำคุกอีก ๑ ปี ๔ เดือน เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษาจำคุก ๕๐ ปี คงจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ ๕๑ ปี ๔ เดือน สำหรับจำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๒๘๙ (๒), ๘๐ อีกกระทงหนึ่ง ของกลางริบ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามมาตรา ๒๘๘, ๘๓ ให้ประหารชีวิต ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุกตลอดชีวิต จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามมาตรา ๒๘๘, ๘๓ และ ๒๘๙ (๒) รวมสองกระทง เพิ่มโทษ ลดโทษ และเปลี่ยนโทษแล้วคงจำคุกจำเลยที่ ๒ ๙๔ ปี ๕ เดือน ๑๐ วัน
จำเลยฎีกา ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ก่อนจะเกิดเหตุจำเลยที่ ๑ ได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตาย โดยมีจำเลยที่ ๒ นั่งซ้อนท้าย พอจำเลยที่๑ ขับรถจักรยานยนต์เข้าไปใกล้รถยนต์ของผู้ตาย จำเลยที่ ๒ ได้ใช้ปืนยิงผู้ตายทางด้านหลังรถ ผ่านกระจกหลังเข้าไปในรถ รถของผู้ตายแฉลบไปทางด้านขวามือ และชนกับรถจักรยานยนต์อีกคันหนึ่ง ซึ่งแล่นสวนทางมา รถจำเลยที่ ๑ จะแซงขึ้นไปจึงได้ชนท้ายรถของผู้ตาย รถจักรยานยนต์จำเลยที่ ๑ ล้มลง จำเลยทั้งสองตกจากรถ จำเลยที่ ๑ ได้รับบาดเจ็บ จำเลยที่ ๒ กับผู้ตายต่างใช้ปืนยิงต่อสู้กัน โดยจำเลยที่ ๒ ใช้อาวุธปืนของจำเลยที่ ๒ และของจำเลยที่ ๑ ยิงผู้ตายอีกหลายนัด ผู้ตายถึงแก่ความตาย แล้ววินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ มีปืนพกขนาด ๑๑ มม. ไม่มีทะเบียนพกอยู่ที่เอว จำเลยทั้งสองมาด้วยกันโดยจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งใช้ป้ายทะเบียนปลอม จำเลยที่ ๒ นั่งซ้อนท้าย ไม่ได้ความว่าจำเลยทั้งสองพบผู้ตายโดยบังเอิญ หรือมีสาเหตุแห่งการยิงกันเกิดขึ้นในปัจจุบันทันที เมื่อจำเลยที่ ๑ ขับขี่รถจักรยานยนต์ตามหลังรถยนต์ของผู้ตายเข้าไปใกล้ในระยะห่างพอควร จำเลยที่ ๒ ก็ใช้ปืนยิงเข้าไปในรถของผู้ตายทางด้านหลังรถทันที จำเลยที่ ๒ ใช้ปืนยิงไปแล้ว จำเลยที่ ๑ ก็ขับรถจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปในขณะที่รถยนต์ของผู้ตายแฉลบไปทางขวามือ เพราะถูกยิง จึงเป็นเหตุให้รถจักรยานยนต์คันที่จำเลยที่ ๑ ขับชนกับรถของผู้ตาย การที่จำเลยที่ ๑ ขับรถเพื่อจะแซงรถของผู้ตายขึ้นไปก็น่าเชื่อว่าจะพากันหลบหนี คำให้การชั้นสอบสวนกับคำเบิกความในชั้นศาลของจำเลยที่ ๑ ขัดแย้งกันเป็นอย่างมากรับฟังไม่ได้ ตามพฤติการณ์แห่งคดีรับฟังได้ว่าจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ ได้ร่วมกันกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายแล้ว และคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยไตรตรองไว้ก่อน มีความผิดฐานใช้เอกสารปลอม และมีความผิดฐานมีอาวุธปืนฯ อีกสองกระทงอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ การที่ศาลจะเรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ ๑ จึงต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก ๕๐ ปี แต่กรณีของจำเลยที่ ๑ นี้ ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้องในข้อหาฐานใช้เอกสารหมายเลขทะเบียนปลอม และข้อหาตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน คงลงโทษจำเลยที่ ๑ ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นตามมาตรา ๒๘๘, ๖๓ เพียงกระทงเดียว จึงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นโทษจำคุก ๕๐ ปี ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจที่จะปรับบทลงโทษจำเลยที่ ๑ เสียใหม่ให้ถูกต้อง โดยไม่เปลี่ยนโทษจำคุกตลอดชีวิตเป็นจำคุก ๕๐ ปี
พิพากษายืน

Share