แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีพิพาทว่าจำเลยปิดทางสาธารณะ โจทก์เดือดร้อนนำรถเข้าออกไม่ได้ ไม่อาจใช้คลองแทนได้ จำเลยเสียหายเล็กน้อยซึ่งแก้ไขได้หากเปิดทางให้เดินระหว่างพิจารณา ศาลไม่เลิกคำสั่งที่ให้จำเลย เปิดทางจนกว่าคดีถึงที่สุด
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นสั่งห้ามจำเลยปิดทางพิพาทจนกว่าคดีถึงที่สุด และยกคำขอที่จำเลยขอให้ยกเลิกคำสั่งเดิม ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ในประเด็นที่จำเลยฎีกาว่า ทางพิพาทเป็นทางสาธารณะหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่ายังไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย เพราะว่าคดีอยู่ในชั้นไต่สวนเพื่อให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 254(2) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเท่านั้น
สำหรับประเด็นที่ว่า มีเหตุเพียงพอที่จะยกเลิกคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์หรือไม่นั้น ปรากฏทางไต่สวนและรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นที่ไปเผชิญสืบทางพิพาทว่า ทางพิพาทมีความยาวตั้งแต่ถนนสุขาภิบาลจนถึงคลองแสนแสบ มีความกว้างขนาดรถยนต์บรรทุกขนาดใหญ่แล่นเข้าออกได้ สภาพของทางพิพาทเป็นดินปนหิน โจทก์ทั้งสี่เดินเข้าออกและใช้รถขนข้าวสารและขนมเข้าออกมาตั้งแต่ พ.ศ. 2517 ก่อนที่จำเลยทั้งสองซื้อที่ดินบริเวณนั้นจากนางประเทือง พยัฆวิเชียร เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2520ครั้นถึงวันที่ 15 ตุลาคม 2520 จำเลยได้ใช้ไม้ปิดกั้นขวางทางพิพาทตรงที่จะออกถนนสุขาภิบาล และกั้นขวางตามแนวที่ดินหน้าบ้านของโจทก์ทั้งสี่ ทำให้รถยนต์เข้าออกไม่ได้ สำหรับผู้ที่จะเดินเข้าออกบ้านของโจทก์จะต้องก้มศีรษะ ได้ความดังกล่าวมา ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ทั้งสี่ย่อมได้รับความเดือดร้อนเพราะไม่อาจจะใช้รถยนต์แล่นเข้าออกจากที่ดินไปสู่ถนนสาธารณะได้ การเข้าออกจากบ้านสู่ทางพิพาทก็ไม่ได้รับความสะดวกตามสมควรในระยะเวลาที่จำเลยทำรั้วปิดกั้นทางพิพาทในระหว่างการพิจารณาคดี คำฟ้องที่โจทก์ยื่นและในโอกาสที่ยื่นคำขอนั้นมีเหตุอันสมควร และมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาตามขอมาใช้ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า หากศาลมีคำสั่งให้เปิด (ที่ถูกเป็นปิด) ทางพิพาทแล้ว โจทก์ทั้งสี่ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใดเนื่องจากมีที่ดินติดคลองบางเตย คลองแสนแสบซึ่งเป็นทางสาธารณะประโยชน์และสามารถเดินเข้าออกสู่ถนนสุขาภิบาล 2 ได้นั้น เห็นว่าการเขาออกจากที่อยู่อาศัยสู่ถนนสาธารณะเพื่อประกอบธุรกิจจำเป็นต้องใช้ยานพาหนะในบางโอกาสและในเรื่องนี้บางครั้งอาจจะไปทางคลองบางเคยหรือคลองแสนแสบไม่ได้ส่วนที่จำเลยว่าถ้าเปิดทางพิพาททำให้ทางเสียหาย และทรัพย์สินของจำเลยสูญหาย ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ที่ว่า หากทางพิพาทจะเกิดความเสียหายก็เพียงเล็กน้อยและจำเลยมีทางแก้ไขบรรเทาผลร้ายเรื่องทรัพย์สินหายได้”
พิพากษายืน