คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1515/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เป็นนายหน้าจัดการให้จำเลยได้จำนองที่ดิน. โจทก์ติดต่อกับธนาคารจนธนาคารตกลงรับจำนองในราคาสองล้านหนึ่งแสนบาทแล้ว. จำเลยเปลี่ยนใจจะจำนองราคาสามล้านบาท. จำเลยจึงให้ผู้อื่นไปติดต่อกับธนาคารแห่งนั้นจนธนาคารยอมรับจำนองในราคาสามล้านบาท. ดังนี้ ถือว่าสัญญาจำนองสามล้านบาทที่จำเลยทำกับธนาคารนั้น เป็นผลสำเร็จของการที่โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เป็นนายหน้าจัดการให้จำเลยได้ทำสัญญาจำนองที่ดิน และต่อมาจำเลยได้จำนองที่ดินดังกล่าวในราคาสองล้านหนึ่งแสนบาทกับธนาคารกรุงเทพฯ จำกัด อันเป็นผลของการที่โจทก์ชี้ช่องจัดการ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระค่านายหน้าและดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า สัญญานายหน้านั้นได้เลิกกันแล้ว จำเลยทำสัญญาจำนองที่ดินกับธนาคารได้เพราะการชี้ช่องและค้ำประกันของผู้อื่น ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ จำเลยฎีกา ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า สัญญานายหน้าระหว่างโจทก์จำเลยยังไม่เลิก โจทก์ได้ติดต่อชี้ช่องให้ธนาคารตกลงรับจำนองที่ดินในราคาสองล้านหนึ่งแสนบาทตามข้อตกลงในสัญญาแล้ว แต่จำเลยเปลี่ยนใจขอเพิ่มราคาจำนองเป็นสามล้านบาท จำเลยจึงให้นายนำชัยติดต่อกับธนาคารนั้นจนเป็นผลให้จำเลยได้จำนองในราคาสามล้านบาท แล้ววินิจฉัยว่าสัญญาจำนองสามล้านบาทนี้สำเร็จเนื่องจากผลแห่งการที่โจทก์เป็นนายหน้าชี้ช่องให้จำเลย จำเลยจึงต้องให้ค่าบำเหน็จแก่โจทก์ พิพากษายืน.

Share