แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในกรณีที่คู่สมรสประสงค์ให้มีการจดทะเบียนสมรสด้วยนั้นหากฝ่ายหญิงไม่ยอมจดทะเบียนทำให้การสมรสไม่สมบูรณ์ชายเรียกสินสอดคืนได้
ค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูแขกที่จ่ายไปในพิธีแต่งงานที่ไม่มีการหมั้นและไม่สมบูรณ์ เพราะไม่จดทะเบียนสมรสนั้น หาอาจเรียกค่าทดแทนจากอีกฝ่ายหนึ่งได้ไม่ เพราะไม่เป็นการผิดสัญญาหมั้น และไม่เข้าลักษณะอันเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ได้สู่ขอจำเลยที่ 1 บุตรจำเลยที่ 2 เป็นภริยาจำเลยที่ 2ตกลงและจำเลยที่ 1 ก็สมัครใจจะสมรสกับโจทก์ โดยเรียกค่าสินสอด 1,650 บาท แล้วได้ทำพิธีแต่งงานกัน โจทก์จ่ายเงินสินสอดและเสียค่าใช้จ่ายในพิธีแต่งงานไปรวม 3,325 บาท หลังแต่งงานแล้ว โจทก์ชวนจำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนสมรส และขอให้จำเลยที่ 2 ไปให้ความยินยอม เพราะจำเลยที่ 1 ยังไม่บรรลุนิติภาวะจำเลยทั้งสองผัดหลายครั้งผลสุดท้ายจำเลยที่ 1 โดยความรู้เห็นเป็นใจของจำเลยที่ 2 ได้หนีออกจากบ้านไป ไม่ยอมเป็นภริยาโจทก์ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยคืนเงินสินสอดและค่าเสียหายแก่โจทก์รวม 3,325 บาท
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า สินสอดมีจำนวนเพียง 1,000 บาท ได้คืนให้โจทก์ไปแล้ว ค่าใช้จ่ายจำเลยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย และจำเลยที่ 1 หลบหนีไปเอง จำเลยที่ 2 ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย
วันนัดพร้อม จำเลยที่ 2 รับว่าได้รับเงินสินสอดไว้ 1,650 บาทจริง แต่ได้คืนโจทก์ไปแล้ว 1,000 บาท และรับว่าโจทก์ได้เลี้ยงแขกที่บ้านโจทก์ในการแต่งงานจริง
ศาลจังหวัดขอนแก่นฟังข้อเท็จจริงว่า การแต่งงานรายนี้ไม่มีการตกลงกันก่อนว่าจะต้องไปจดทะเบียนสมรส พฤติการณ์ระหว่างโจทก์จำเลยมุ่งเพียงทำพิธีตามธรรมเนียมท้องถิ่นเท่านั้น ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยผิดสัญญา โจทก์จะเรียกค่าสินสอดคืนไม่ได้ค่าใช้จ่ายในพิธีแต่งงานย่อมเป็นพับไป และเงินค่าผูกแขน 236 บาท เป็นของบิดาโจทก์โจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิเรียกคืน พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าการแต่งงานรายนี้มุ่งหมายให้ถูกต้องตามกฎหมายจึงต้องมีการจดทะเบียน เมื่อจำเลยเป็นฝ่ายไม่ไปจดทะเบียนจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องคืนค่าสินสอดและค่าเสียหายให้โจทก์เฉพาะค่าสินสอดที่จำเลยต่อสู้ว่าคืนให้โจทก์แล้ว 1,000 บาทนั้นไม่น่าเชื่อ จึงพิพากษาแก้ให้จำเลยคืนเงินสินสอด 1,650 บาท ค่าเสียหายในการเลี้ยงแขก 1,439 บาท รวม3,089 บาทแก่โจทก์นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การสมรสรายนี้คู่สมรสมีเจตนาจะจดทะเบียนสมรสให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย เพราะมิฉะนั้นแล้วก็จะไม่บังเกิดผลให้แต่ละฝ่ายเกิดสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมายในฐานะเป็นสามีภริยากันฉะนั้น การที่ต่อมาจำเลยไม่ยอมไปจดทะเบียน และจำเลยที่ 1 ได้หลบหนีไปเสียเช่นนี้ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาโจทก์ชอบที่จะเรียกเงินสินสอดซึ่งให้จำเลยเพื่อตอบแทนการสมรสคืนจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1436 และเชื่อว่าจำเลยยังไม่ได้คืนเงินสินสอดรายนี้ให้โจทก์เลย
ส่วนค่าเสียหายในการเลี้ยงดูแขกในวันแต่งงาน 1,439 บาทที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยชดใช้โจทก์นั้น เห็นว่า การสมรสรายนี้ไม่มีการหมั้นอันจะก่อให้เกิดสัญญาสมรสตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าทดแทนเหตุผิดสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1438 จากจำเลยได้ ทั้งค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูกันนี้ก็ไม่เข้าลักษณะอันเป็นค่าใช้จ่ายในการเตรียมการสมรสตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1439(2) ด้วย การที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้เงินจำนวนนี้แก่โจทก์ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
จึงพิพากษาแก้ว่า จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายในการจัดการเลี้ยงแขก 1,439 บาทให้โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์