คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1512/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่า เจ้าพนักงานจะรับจดทะเบียนโอนให้แก่คู่กรณีได้ต่อเมื่อได้มีการประกาศขายมีกำหนด 30 วัน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 5 เสียก่อน ฉะนั้น การที่โจทก์จำเลยได้ไปอำเภอในวันที่ 1 สิงหาคม 2510 ตามสัญญา ก็เพื่อจะดำเนินการประกาศขายดังกล่าวข้างต้น แต่จำเลยกลับไม่ยอมประกาศขายโดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีเงินสดชำระเพียง 20,000 บาท ส่วนอีก 37,500 บาทโจทก์จะขอจ่ายเป็นเช็คลงวันล่วงหน้าในเมื่อครบประกาศแล้วหนึ่งเดือนข้ออ้างดังกล่าวของจำเลยฟังไม่ขึ้นเพราะเหตุว่าในวันนั้นโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าที่ดินให้กับจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใดเลย

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินของจำเลยกำหนดจะจดทะเบียนโอน (กรรมสิทธิ์) กัน ณ ที่ว่าการอำเภอเมือง ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ครั้นถึงวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โจทก์ทั้งสองไปคอยจำเลยอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอเมือง จำเลยไม่ไป ขอให้ศาลพิพากษาบังคับจำเลยให้ไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ ณ ที่ว่าการอำเภอถ้าจำเลยขัดขืน ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ให้จำเลยรับเงินราคาที่ดินที่ยังค้าง 37,500 บาทจากโจทก์ และให้จำเลยใช้เงินค่าเสียหาย 40,000 บาทแก่โจทก์ และให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินทั้งสองแปลงและห้ามเกี่ยวข้องอีกต่อไป

จำเลยให้การว่า จำเลยได้ไปที่อำเภอเมืองตามกำหนดนัด แต่ฝ่ายโจทก์ไม่มีเงินไปชำระให้จำเลยครบถ้วน จำเลยจึงไม่เป็นฝ่ายผิดสัญญาต่อโจทก์ โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ในชั้นฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมือเปล่าเจ้าพนักงานจะรับจดทะเบียนโอนให้แก่คู่กรณีได้ต่อเมื่อได้มีการประกาศขายมีกำหนด 30 วัน ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2497) ออกตามความในพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ข้อ 5 เสียก่อนฉะนั้น การที่โจทก์จำเลยได้ไปอำเภอ ในวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ตามสัญญาก็เพื่อจะดำเนินการประกาศขายดังกล่าวข้างต้น แต่จำเลยกลับไม่ยอมประกาศขาย โดยอ้างเหตุว่าโจทก์มีเงินสดชำระเพียง 20,000 บาท ส่วนอีก 37,500 บาท โจทก์จะขอจ่ายเป็นเช็คลงวันล่วงหน้าในเมื่อครบประกาศแล้วหนึ่งเดือน ศาลฎีกาเห็นว่าข้ออ้างดังกล่าวของจำเลยฟังไม่ขึ้นเพราะเหตุว่าในวันนั้นโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อยังไม่มีหน้าที่ต้องชำระเงินค่าที่ดินให้กับจำเลยซึ่งเป็นฝ่ายผู้ขายแต่อย่างใดเลย

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นฝ่ายจงใจจะไม่โอนที่พิพาทให้โจทก์ จำเลยจึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา

พิพากษายืน

Share