แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้จัดการมฤดกไม่ใช่ตรัสตีการฟ้องเรียทรัพย์มฤดกไม่ว่าจากทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์แทนทายาทมีกำหนดอายุความ 1 ปี
ย่อยาว
ได้ความว่าโจทก์เป็นหม่อมสมเด็จเจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชร์บูรณ์ ฯ โดยได้เสียกันเอง กรมขุนเพ็ชร์บูรณ์ ฯ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๘ กรกฎคม พ.ศ.๒๔๗๖ โดยมิได้ทรงทำพินัยกรรม์ พระเจ้าอยู่หัวรัชชกาลที่ ๖ ได้ตั้งกรรมการชุดหนึ่งเพื่อรวบรวมพระมฤดกกรมขุนเพ็ชร์บูรณ์ ฯ กรรมการได้จัดการรวบรวมพระมฤดกแล้วถวายความเห็นให้มอบพระมฤดกให้กรมพระคลังข้างที่ พระเจ้าอยู่ห้วรัชชกาลที่ ๖ มีพระบรมราชโองการให้ดำเนินการไปตามความเห็นนั้น ในปี พ.ศ.๒๔๗๘ โจทก์ถวายฎีกาต่อคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขอรับส่วนมฤดกรายนี้รัฐมนตรีกระทรวงวังได้แจ้งให้โจทก์ทราบว่าโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับพระมฤดกรายนี้ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ขึ้น
ศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงต้องกันแล้วพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ เพราะคดีขาดอายุความ
ศาลฎีการับวินิจฉัยฉะเพาะข้อกฎหมายแล้วตัดสินว่า ข้อที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยเป็นตรัสตีโดยเหตุที่พระเจ้าอยู่หัวรัชชกาลที่ ๖ และกษัตริย์องค์ต่อ ๆ มาตลอดจนพระคลังข้างที่เข้าจัดการมฤดกนั้นโดยปริยาย เป็นตรัสตี ถือว่าการรับเป็นผู้จัดการมฤดกนั้นย่อมพ่วงเอาการรับตรัสตีไปด้วย คดีจึงไม่มีอายุความนั้น เห็นว่าตามกฎหมายผู้จัดการมฤดกไม่ใช่ตรัสตี และเห็นว่าคดีนี้เป็นเรื่องฟ้องเรียกทรัพย์มฤดกกันตามธรรมดา จะฟ้องเรียกจากทายาทหรือผู้ครอบครองทรัพย์แทนทายาทอายุความก็มีกำหนด ๑ ปีตามลักษณรับฟ้องของกฎหมายเก่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอมีส่วนพระมฤดกภาคภรรยา ผู้ครอบครองทรัพย์ของทายาทก็ต้องอาศัยสิทธิของทายาทที่จะไม่ให้ส่วนแบ่งแก่โจทก์ แม้จะไม่อาศัยประมวลแพ่ง ฯ ลักษณมฤดกก็ได้ เพราะเป็นเรื่องต้องทำแทนอยู่ในตัวและทายาทเป็นผู้เสียหายเมื่อคดีโจทก์ขาดอายุความแล้วเช่นนี้ จึงพิพากษายืนตามให้ยกฎีกาโจทก์