คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1509/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยได้จดทะเบียนหย่ากัน โดยมีข้อสัญญาว่าให้บุตรอยู่ในความอุปการะของโจทก์ จำเลยมาหลอกลวงเอาบุตรไป จึงฟ้องเรียกคืน ดังนี้ โจทก์มีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้จำเลยส่งบุตรให้โจทก์ก่อนศาลพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) เพราะมาตรา 254 นี้มิใช่ใช้เฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์เท่านั้น
โจทก์ยื่นคำขอในเหตุฉุกเฉิน พร้อมกับคำร้องขอให้ศาลใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ศาลนัดไต่สวนในวันที่ 4 นับแต่วันนั้นกับสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยทราบเมื่อไต่สวนแล้วศาลมีคำสั่งให้จำเลยนำบุตรไปมอบให้แก่โจทก์ภายใน 3 วันนับแต่วันได้รับทราบ ดังนี้ ถือว่าศาลดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำร้องของโจทก์อย่างวิธีธรรมดาเพราะมิได้ดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267, 269

ย่อยาว

คดีนี้ เนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยส่งคืนเด็กชายทิฆัมพร ประสพสันติ บุตรของโจทก์ซึ่งเกิดภัยจำเลยโดยโจทก์จำเลยได้จดทะเบียนหย่ากันและมีข้อสัญญาว่าให้เด็กชายทิฆัมพรอยู่ในความอุปการะของโจทก์ และให้จำเลยมีสิทธิมาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราว ต่อมาจำเลยได้หลอกลวงเอาเด็กขายทิฆัมพรไป

จำเลยให้การต่อสู้คดีและฟ้องแย้ง

ก่อนสืบพยาน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยส่งเด็กชายทิฆัมพรให้โจทก์โดยพลัน และยื่นคำขอในเหตุฉุกเฉินให้ศาลมีคำสั่งตามที่ขอโดยไม่ชักช้า

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้จำเลยนำตัวเด็กชายทิฆัมพรส่งมอบให้โจทก์ภายใน 3 วัน และให้โจทก์ส่งไปอยู่ประจำที่โรงเรียน

จำเลยยื่นคำขอให้ศาลชั้นต้นยกเลิกคำสั่งที่ให้จำเลยส่งบุตรให้โจทก์นั้นเสีย

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเห็นว่า ยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่ง ให้ยกคำขอของจำเลย

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีเด็กและเยาวชนพิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเด็กและเยาวชนวินิจฉัยว่า

1. ที่จำเลยฎีกาว่า คำร้องฉุกเฉินของโจทก์ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลจะสั่งได้ เพราะมิใช่เหตุฉุกเฉินอย่างไร นั้น ปรากฏว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา และคำขอฉุกเฉินในวันที่ 4 ธันวาคม 2512 ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนในวันที่ 8 เดือนเดียวกันและสั่งให้ส่งสำเนาให้จำเลยทราบ หากจะคัดค้านให้นำพยานหลักฐานมาสืบในวันนัดด้วย แต่เจ้าพนักงานศาลส่งหมายและสำเนาคำร้องให้จำเลยไม่ได้ ศาลจึงไต่สวนคำร้องของโจทก์ในวันที่นัดไว้และมีคำสั่งในวันเดียวกันว่า คำฟ้องของโจทก์มีมูลและได้ยื่นขอในโอกาสที่มีเหตุสมควร ทั้งมีเหตุเพียงพอที่จะนำวิธีคุ้มครองตามที่ขอมาใช้ได้ จึงมีคำสั่งให้จำเลยนำเด็กชายทิฆัมพรไปส่งมอบแก่โจทก์ภายใน 3 วันดังนี้ จึงเห็นว่าศาลชั้นต้นมิได้พิจารณาคำขอของโจทก์เป็นการด่วน และคำสั่งนั้นก็มิได้ให้บังคับได้ทันทีโดยไม่ต้องส่งให้จำเลยทราบ ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 267, 269 กรณีจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาไต่สวนคำร้องของโจทก์อย่างวิธีธรรมดา

2. ที่จำเลยฎีกาว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254 ใช้เฉพาะเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์ ไม่คลุมถึงบุคคลนั้น เห็นว่ามิใช่เป็นดังจำเลยฎีกา โจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยผิดสัญญาโดยหลอกลวงเอาบุตรซึ่งอยู่ในความปกครองของโจทก์ตามสัญญาไปเลี้ยงจากโจทก์โจทก์จึงฟ้องเรียกคืน และมีอำนาจยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ส่งบุตรให้โจทก์ก่อนศาลพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 254 (2)

พิพากษายืน

Share