แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นได้ให้โจทก์จำเลยสืบพยาน จำเลยเบิกความว่าการชำระหนี้เงินกู้ 30,000 บาท ตามเช็คพิพาทเป็นหนี้มีเงื่อนไขว่า หากโจทก์ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย แต่ถ้าโจทก์ได้รับเลือกตั้งจำเลยไม่ต้องคืนเงินกู้ดังกล่าวให้โจทก์ การเบิกความของจำเลยดังกล่าวเป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงเป็นการเบิกความในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดี จำเลยจึงสืบพยานในข้อที่ว่าการชำระหนี้เงิน 30,000บาท ตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขากันทรลักษ์ เลขที่ 2478839 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2527 สั่งจ่ายเงินจำนวน 69,300 บาท เพื่อชำระหนี้ให้โจทก์ เมื่อเช็คดังกล่าวถึงกำหนดโจทก์ได้นำไปเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัดสาขาศรีสะเกษ เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินขอให้จำเลยชำระเงิน 74,364 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จากต้นเงิน 69,300 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยชำระเงินให้โจทก์เสร็จ จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ แต่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์และขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน (วันที่ 14กุมภาพันธ์ 2527) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์เองเบิกความยอมรับว่าได้ให้จำเลยกู้ยืมเงินจำนวน 30,000 บาทเป็นการเจือสมคำพยานจำเลย และเป็นการสนับสนุนคำพยานจำเลยให้รับฟังและเชื่อถือได้ทำให้เชื่อได้ว่าการกู้ยืมเงินจำนวน 30,000 บาท ดังกล่าวมีเงื่อนไขดังที่จำเลยได้เบิกความเป็นพยานต่อศาล เมื่อเป็นดังนี้จึงทำให้มูลหนี้ดังกล่าวเป็นมูลหนี้มีเงื่อนไขที่ไม่แน่นอน เข้าลักษณะการพนันขันต่อจึงตกเป็นโมฆะ โจทก์จึงไม่อาจนำเช็คพิพาทมาฟ้องให้จำเลยรับผิดชำระเงินได้นั้น เห็นว่า คดีนี้จำเลยไม่ได้ยื่นคำให้การภายในกำหนด ศาลชั้นต้นสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและนัดสืบพยานโจทก์ ในวันนัดสืบพยานโจทก์จำเลยมาศาลและขออ้างตนเองเบิกความเป็นพยาน ศาลชั้นต้นได้ให้โจทก์จำเลยสืบพยาน เมื่อสืบเสร็จแล้วจึงได้พิพากษาคดี ที่จำเลยเบิกความว่าการชำระหนี้เงินกู้ 30,000บาท ตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขว่าหากโจทก์ไม่ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โจทก์จึงจะมีสิทธิเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนจากจำเลย แต่ถ้าโจทก์ได้รับเลือกตั้งจำเลยไม่ต้องคืนเงินกู้ดังกล่าวให้โจทก์นั้น เป็นข้อที่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้คดีไว้ จึงเป็นการเบิกความในข้อที่ไม่ได้เป็นประเด็นในคดีจำเลยจึงสืบพยานในข้อที่ว่า การชำระหนี้เงินกู้ 30,000 บาทตามเช็คพิพาทเป็นหนี้ที่มีเงื่อนไขไม่ได้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยรับผิดชำระเงิน 30,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล”
พิพากษายืน