แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยจนเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัสเป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้มีดทำร้ายโจทก์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เงิน 39,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์เคยร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานตำรวจให้ดำเนินคดีอาญากับจำเลยทั้งสอง คดีดังกล่าวศาลอุทธรณ์พิพากษาถึงที่สุด ขอศาลพิพากษายกฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินจำนวน 8,000 บาทแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ กับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 600 บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ยกฟ้องโจทก์ ให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนจำเลย โดยกำหนดค่าทนายความทั้งสองศาลรวม 900 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำละเมิดโดยทำร้ายร่างกายโจทก์ได้รับอันตรายสาหัส จึงต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่ามูลกรณีนี้เป็นเรื่องเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขแดงที่2942/2525 ของศาลชั้นต้น ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดศรีสะเกษโจทก์นายสุพรรณ นามปัญญา โจทก์ร่วม นายพัฒนา ชื่นตา กับพวก จำเลยจึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา การพิพากษาคดีส่วนแพ่งจึงต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 46เมื่อศาลอุทธรณ์ซึ่งมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ฟังข้อเท็จจริงว่า เหตุคดีนี้เกิดขึ้นเพราะมีสาเหตุมาจากจำเลยที่ 1มีความหึงหวงที่โจทก์ทำชู้กับภรรยาจำเลยที่ 1 ก่อนเกิดเหตุแล้วภรรยาจำเลยที่ 1 หนีไปเพราะกลัวว่าจำเลยที่ 1 จะประจานที่ไปเป็นชู้กับโจทก์และวันเกิดเหตุมารดาของภรรยาจำเลยที่ 1 มาขนของบุตรสาวกลับ จำเลยที่ 1 จะต้องโกรธแค้นโจทก์เป็นกำลังเมื่อโจทก์มาพูดจาทำนองจะแต่งงานกับภรรยาจำเลยที่ 1 จึงเป็นลักษณะยั่วยุให้จำเลยที่ 1 เกิดโทสะ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 โกรธโจทก์ร่วมจึงได้โต้เถียงและทำร้ายกัน ที่โจทก์โต้เถียงและเกิดวิวาทกับจำเลยที่ 1 ดังกล่าว ถือได้ว่าโจทก์กับจำเลยทั้งสองสมัครใจวิวาทต่อสู้กันเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับอันตรายสาหัส การที่โจทก์สมัครใจวิวาทต่อสู้กับจำเลยทั้งสองจึงเป็นการยอมรับผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่ตนเอง ถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำละเมิดต่อโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยทั้งสอง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบด้วยรูปคดีแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 600 บาท แทนจำเลยทั้งสอง.