คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1507/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สามีโจทก์ยกที่นาทำกินให้บุตรชาย 4 คน โจทก์ยกที่พิพาทให้จำเลยเมื่อยกให้แล้วโจทก์กับสามียังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย 2 หลัง มีที่ดินปลูกบ้านอีก 2 ไร่ และที่ดินนาทำกิน 5 ไร่ เช่านาจากคนอื่นทำ 20 ไร่ มีกระบือทำนา 2 ตัว บุตรชาย 4 คนที่ได้รับที่ดินได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และสามีเป็นครั้งคราวตามฐานะ ส่วนจำเลยเคยใช้ข้าวเปลือก 50 ถัง ให้เงินครั้งละ 100-200 บาท ดังนี้แม้โจทก์จะยากจนก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่โจทก์และสามียกที่ดินให้ลูกอยู่แล้วหาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนหลังไม่ ความยากจนดังกล่าวไม่ถึงขนาดเป็นยากไร้ ตามความหมายของมาตรา 531 (3) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ 50 ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นบุตรโจทก์ โจทก์ยกที่ดินให้ ๑ แปลง ขณะนี้จำเลยยากจนลงขอข้าวเปลือกจำเลยกินปีละ ๕๐ ถัง จำเลยไม่ยอมให้ทั้ง ๆ ที่สามารถให้ได้ เป็นการเนรคุณ ขอให้บังคับจำเลยส่งคืนที่ดินให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้รับความยินยอมจากสามีให้ฟ้อง โจทก์ยกที่ดินให้จำเลยและจำเลยช่วยชำระหนี้ให้โจทก์ ๖,๐๐๐ บาท โจทก์ไม่เป็นคนยากไร้จึงไม่มีสิทธิถอนคืนการให้
ศาลชั้นต้นฟังว่าสามียินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ให้ที่ดินแก่จำเลยโดยเสน่หาและยากไร้ จำเลยไม่ยอมให้สิ่งของจำเลยเป็นเลี้ยงชีวิตโจทก์ทั้ง ๆ ที่สามารถจะให้ได้ พิพากษาให้จำเลยส่งมอบที่พิพาทคืนให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า สามีโจทก์ยินยอมให้โจทก์ฟ้องคดีนี้แล้ว โจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยมีค่าภาระติดพัน ขอถอนคืนการให้ไม่ได้ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นอกจากโจทก์จะมีหนังสือยินยอมของสามีลงลายมือชื่อนายเทียบสามีมาแสดงต่อศาลแล้ว โจทก์ยังนำนายเทียบมาเบิกความว่าก่อนฟ้องนายเหรียญบุตรชายได้เอาหมายศาลมาให้เซ็นชื่อ บอกว่าลงชื่อในฐานะหัวหน้าครอบครัว แม่จะฟ้องลูกสาว ดังนี้ พอฟังได้แล้วนายเทียบได้อนุญาต ให้โจทก์ฟ้องแล้ว แม้นายเทียบจะเบิกความว่าไม่ทราบข้อความในหนังสือนั้นก็หาใช่ข้อสำคัญไม่
เดิมนายเทียบสามีโจทก์มีที่นาทำกิน ๓ แปลง โจทก์มีที่นาคือที่พิพาท ๑ แปลง ต่อมานายเทียบได้ยกที่ดินทั้ง ๓ แปลงให้แก่บุตรชาย ๔ คน และโจทก์ก็ได้ยกที่พิพาทให้จำเลย เมื่อยกที่ดินให้ลูก ๆ หมดแล้ว โจทก์กับนายเทียบยังมีที่ดินปลูกบ้านพร้อมเรือนอยู่อาศัย ๒ หลัง กระบือทำนา ๒ ตัว และได้เช่านาคนอื่นทำกินจนทุกวันนี้ นอกจากทรัพย์สินดังกล่าวพยานจำเลยฟังได้อีกว่า โจทก์กับนายเทียบยังมีที่ปลูกบ้าน ๒ ไร่ และที่ดินนาทำกินอยู่ด้วย ๕ ไร่ นาที่เช่าจากคนอื่นทำมีเนื้อที่ถึง ๒๐ ไร่ นายเทียบซึ่งยังอยู่ร่วมกับโจทก์ก็ว่าพอทำพอกิน ยิ่งกว่านั้นบุตรชาย ๔ คนที่ได้รับที่ดินจากนายเทียบได้ให้เงินและสิ่งของแก่โจทก์และนายเทียบเป็นครั้งคราวตามฐานะของตนตลอดมา ส่วนจำเลยนายเทียบก็ว่าเคยให้ข้าวเปลือก ๕๐ ถัง ทั้งให้เงินครั้งละ ๑๐๐ – ๒๐๐ บาท ก่อนฟ้องคดีนี้จำเลยก็ให้เงินโจทก์ ๓๐๐ บาท แต่โจทก์ไม่ยอมรับ เมื่อได้ความดั่งนี้เห็นว่าแม้โจทก์จะยากจน ก็เป็นฐานะตามปกติตั้งแต่นายเทียบและโจทก์ยกที่ดินให้ลูกอยู่แล้ว หาใช่เพิ่งยากจนลงในตอนนี้ไม่ แต่ความยากคนดังกล่าว ไม่ถึงขนาดเป็นคนยากไร้ตามความหมายของ มาตรา ๕๓๑(๓) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นแม้จะฟังว่าโจทก์ให้ที่พิพาทแก่จำเลยโดยเสน่หาและจำเลยไม่ยอมให้ข้าวเปลือกแก่โจทก์ปีละ ๕๐ ถังตามที่โจทก์ขอ โจทก์ก็ไม่มีสิทธิที่จะฟ้องขอคืนที่พิพาทจากจำเลยได้
พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ในผล

Share