แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์สืบพยานไปบ้างแล้วโจทก์จำเลยต่างแถลงรับเอกสารและข้อเท็จจริงบางอย่างแล้วต่างแถลงไม่สืบพยานต่อไปโดยไม่ปรากฎว่ามีคำท้ากันอย่างใด ดังนี้ต้องพิเคราะห์คดีไปตามพฤติการณ์เท่าที่โจทก์สืบมาแล้วประกอบกับคำร้องทั้ง 2 ฝ่ายประกอบกัน
บุตรนอกกฎหมายเกิดแต่บิดาซึ่งแต่งงานกับมารดาโดยเปิดเผยแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและอยู่กินด้วยกันจนตายจากกันไป สูติบัตรก็ปรากฎว่าเป็นสูติบัตรของเด็กซึ่งบิดาไปแจ้งไว้ พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าบิดาได้รับรองบุตรนั้นตาม ป.พ.พ.ม.1627 แล้ว
ย่อยาว
ฟ้องว่า จำเลยเป็นภริยานายดำโดยมิได้จดทะเบียนสมรสตามกฎหมายและพี่น้องคนอื่นของนายคำชั้นเดียวกับ โจทก์ก็สละมรดกให้โจทก์ทั้งหมด เมื่อนายคำตายแล้วมีทรัพย์มรดกรวมราคา ๗,๕๐๐ บาทควรตกทอดแก่โจทก์ ผู้เป็นพี่ร่วมบิดามารดาเดียวกันซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมอันดับ ๓ ขอให้จำเลยส่งทรัพย์มรดกนี้แก่โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า เป็นภริยานายคำก่อนใช้ประมวลแพ่งและพาณิชย์บรรพ ๕ เกิดบุตร ๔ คน ตาย ๓ เหลือ ด.ญ.จันสม เป็นทายาทโดยธรรมอันดับ ๑ ตัดโจทก์ซึ่งเป็นทายาทอันดับ ๓ และต่อสู้อีกหลายประการ
ชั้นพิจารณา โจทก์รับนำสืบก่อนสืบพยานไปได้ ๔ ปาก ทนายจำเลยแถลงว่าโจทก์จะยอมรับตามข้อความที่ปรากฎในสูติบัตรตอน ๒ ที่จำเลยขออ้างมาจากทางราชการสาธารณสุขหรือไม่ ถ้ายอมรับได้ จำเลยก็ขอยอมรับข้อเท็จจริงตามประเด็นที่กล่าวอ้างทุก ๆ ประเด็นและจำเลยยอมรับด้วยว่า ด.ญ.จันสมเป็นบุตรนอกสมรส ทนายโจทก์แถลงรับตามที่จำเลยเสนอทุกประการคู่ความเป็นอันไม่ติดใจสืบพยานต่อไป
ศาลจังหวัดลำพูนเห็นว่า ตามคำรับของทนายโจทก์ ยอมรับเพียงว่านายคำผู้ตายได้เป็นผู้ไปแจ้งความต่อกำนัน เจ้าตำบลผู้เป็นเจ้าหน้าที่ในเรื่องสูติบัตรเท่านั้น แต่ข้อเท็จจริงรายละเอียดต่าง ๆ จะมีอยู่เป็นอยู่อย่างไร โจทก์มิได้ยอมรับข้อเท็จจริงบางประการ จึงยังดูกำกวมอยู่ จำเลยจะหวังเอาผลในเรื่องนี้จากคำแถลงรับของทนายโจทก์ไม่ได้ จำเลยเป็นฝ่ายกล่าวอ้างถึงเด็กหญิงจันสม ก็ชอบที่จะนำสืบให้สมจริง เมื่อไม่สืบคดีก็ขาดบกพร่อง โดยเฉพาะส่วนตัวจำเลย หามีสิทธิอันใดที่จะหน่วงเหนี่ยวครอบครองทรัพย์มรดกไม่ พิพากษาให้จำเลยส่งทรัพย์มรดก แต่ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิเด็กหญิงจันสมในอันที่จะร้องขอคำสั่งศาลแต่ประการใด และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ทนายจำเลยไม่ได้ท้าว่าให้ตัดสินชี้ขาดไปโดยเหตุหนึ่งเหตุใดโดยเฉพาะเป็นแต่เมื่อโจทก์สืบพยานไป ๔ ปากแล้ว ทนายโจทก์ยอมรับข้อความที่นายคำ (ผู้ตาย) ไปแจ้งกำนันตามที่ปรากฎอยู่ในสูติบัตรตอน ๒ แล้วจำเลยยอมรับข้อเท็จจริงตามประเด็นที่กล่าวอ้างและยอมรับด้วยว่าเด็กหญิงจันสมเป็นบุตรนอกสมรส แล้วคู่ความต่างไม่สืบพยาน ทั้งนี้ควรพิเคราะห์วินิจฉัยคดีไปตามพฤติการณ์เท่าที่โจทก์สืบมาแล้ว ประกอบกับคำรับทั้ง ๒ ฝ่ายประกอบกัน
สูติบัตรมีข้อความสำคัญว่า นายคำได้แจ้งว่านามสกุล ก๋องทอง เพศหญิงเป็นบุตรคนที่ ๔ เกิดกับนายคำนางเปงซึ่งอยู่กินกันนาน ๑๐ ปีแล้ว บุตรนายคำคนนี้ จะใช่เด็กหญิงจันสมหรือไม่นั้น เมื่อโจทก์เองก็รับว่าที่นายคำยังมีบุตรกับจำเลยที่เหลืออยู่คือคนที่จำเลยอุ้มอยู่อายุ ๒ ปีฟังได้ว่าบุตรที่นายคำให้การนั้นเอง แม้จำเลยจะยอมจำนนว่าเป็นภริยานายคำหลังใช้ประมวลแพ่งพาณิชย์บรรพ ๕ และไม่ได้จดทะเบียนสมรส เด็กหญิงจันสมเป็นบุตรนอกกฎหมายของนายคำ แต่ปรากฎตามคำพยานโจทก์ว่านายคำทำพิธีแต่งงานกับจำเลยโดยเปิดเผยอยู่กินช้านานหลายปีจนนายคำตายจากไป เกิดบุตรก็ไปแจ้งสูติบัตรตามระเบียบ ย่อมเห็นความประสงค์ของนายคำได้ชัดเจนว่าปราถนาจะให้ทรัพย์มรดกของตนแก่ลูกอ่อนยิ่งกว่าจะให้โจทก์ผู้เป็นพี่และตามพฤติการณ์เช่นนี้ควรฟังได้ว่านายคำได้รับรองเด็กหญิงจันสมบุตรนอกกฎหมายของตนตามมาตรา ๑๖๒๗ แล้วอันนับเนื่องอยู่ในประเด็นข้อต่อสู้ของจำเลยว่าเด็กหญิงจันสมเป็นทายาทอันดับ ๑ ตัดโจทก์ออกนอกกองมรดก
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์