คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1501/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยชักปืนออกมาจ้องไปทางร้อยตำรวจตรีเสรีและมีเสียงดัง “เชี๊ยะ” แสดงว่าจำเลยได้ยิงร้อยตำรวจตรีเสรีแล้วแต่กระสุนปืนด้าน กระสุนปืนจึงไม่ลั่นไปถูกร้อยตำรวจตรีเสรีสมเจตนาของจำเลย หากกระสุนปืนลั่นถูกร้อยตำรวจตรีเสรี ร้อยตำรวจเสรีก็อาจจะถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่าร้อยตำรวจตรีเสรี โดยจำเลยกระทำผิดไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลจำเลยจึงมีความผิดฐานพยายามฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามหน้าที่ และการที่ร้อยตำรวจตรีเสรีได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบว่าจำเลยต้องหาฐานลักทรัพย์และแสดงหมายจับ จึงเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่พฤติการณ์ของร้อยตำรวจตรีเสรีที่แสดงต่อจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าร้อย ตำรวจตรีเสรีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยในข้อหาลักทรัพย์ จำเลยวิ่งหนีแล้วใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๗ มกราคม ๒๕๑๑ เวลากลางวัน จำเลยมีอาวุธปืนพกลูกโม่ขนาด .๒๒ มม. จำนวน ๑ กระบอกและกระสุน ๓ นัดไว้ในความครอบครองโดยมิได้รับอนุญาต
ตามวันเวลาดังกล่าวร้อยตำรวจตรีเสรี สุกเพชร ได้ทำการจับกุมจำเลยในข้อหากระทำผิดฐานลักทรัพย์หรือรับของโจทก์โดยแจ้งข้อหาและแสดงหมายจับให้จำเลยทราบ แต่จำเลยบังอาจต่อสู้ขัดขวางไม่ยอมให้จับกุม และใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงร้อยตำรวจตรีเสรี ๑ นัดโดยเจตนาฆ่า แต่เนื่องจากกระสุนปืนด้านยิ่งไม่ออกร้อยตำรวจตรีเสรีจึงไม่ถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย จำเลยได้ลงมือกระทำไปตลอดแล้ว แต่การกระทำไม่บรรลุผลขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๓๘, ๑๔๐, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐ และ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ พ.ศ. ๒๔๙๐ มาตรา ๗, ๗๒ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๑๐ มาตรา ๓ ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสงสัยพยานโจทก์พิพากษายกฟ้องโจทก์ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องแต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙ ประกอบด้วยมาตรา ๘๐, ๕๒ ซึ่งเป็นกระทงหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๙๑ ให้จำคุกจำเลย ๑๖ ปี ปืนและกระสุนของกลางคงให้ริบ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยถูกหาว่าเป็นคนร้ายลักทรัพย์ของร้ายตำรวจตรีบุญนะจากอำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี และร้อยตำรวจตรีเสรีพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอบางกรวยได้ออกหมายจับจำเลยไว้แล้วในวันเกิดเหตุ ร้อยตำรวจตรีเสรีกับพวกพากันไปจับจำเลยที่บ้านภรรยาจำเลยซึ่งอยู่ที่ตำบลสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ครั้นพบจำเลยร้อยตำรวจตรีเสรีได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าพนักงาน แจ้งข้อหาและแสดงหมายจับและจับข้อมือจำเลยจะใส่กุญจแมือจำเลยสะบัดมือวิ่งหนี ในที่สุดร้อยตำรวจตรีเสรีจับกุมจำเลยได้
มีปัญหาว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีโดยเจตนาฆ่าหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยชักปืนออกมาจ้องไปทางร้อยตำรวจตรีเสรีและมีเสียงดัง “เชี๊ยะ” แสดงว่าจำเลยได้ยิงร้อยตำรวจตรีเสรีแล้ว แต่กระสุนปืนด้าน กระสุนจึงไม่ลั่นไปถูกร้อยตำรวจตรีเสรีสมเจตนาของจำเลย หากกระสุนปืนลั่นถูกร้อยตำรวจตรีเสรี ร้อยตำรวจตรีเสรีก็อาจจะถึงแก่ความตายได้จำเลยมีเจตนาฆ่าร้อยตำรวจตรีเสรี โดยจำเลยกระทำผิดไปตลอดแล้วแต่การกระทำไม่บรรลุผล
ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีนั้นเป็นการต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติการตามหน้าที่หรือไม่ ได้ความว่าจำเลยต้องหาว่าลักทรัพย์ที่จังหวัดนนทบุรี และพนักงานสอบสวนได้ออกหมายจับไว้แล้ว หมายจับใช้ได้ทั่วราชอาณาจักรร้อยตำรวจตรีเสรีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมีหน้าที่ปฏิบัติตามหมายจับดังกล่าวเมื่อพบ จำเลยร้อยตำรวจตรีเสรีได้แจ้งข้อหาให้จำเลยทราบ และแสดงหมายจับแล้วการกระทำของร้อยตำรวจตรีเสรีจึงเป็นการปฏิบัติการตามหน้าที่พฤติการณ์ของร้อยตำรวจตรีเสรีที่แสดงต่อจำเลยดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยรู้ว่าร้อยตำรวจตรีเสรีเป็นเจ้าพนักงานตำรวจมาจับจำเลยข้อหาลักทรัพย์ จำเลยวิ่งหนีแล้วใช้อาวุธปืนยิงร้อยตำรวจตรีเสรีเพื่อต่อสู้ขัดขวางมิให้จับกุม การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดตามฟ้องของโจทก์ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลย ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share