แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ผู้ตายไม่พอใจจำเลยที่จำเลยยั่วเย้าผู้ตายในการเล่นมอญซ่อนผ้าจึงได้ต่อว่าจำเลยและเตะจำเลย 1 ทีก่อน แล้วชักเหล็กแหลมยาว 1 คืบ วิ่งไล่ทำร้ายจำเลยซึ่งมีอายุ 17 ปี และรูปร่างเล็กกว่าผู้ตาย จำเลยเอี้ยวตัวหลบแล้วใช้มีดพกปลายแหลมยาว 1 คืบแทงผู้ตายเพื่อสกัดกั้นมิให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยไป 1 ที ถูกราวนมซ้ายใต้รักแร้ทะลุเข้าภายในช่องอกแล้ววิ่งหนีไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตนพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๒๐ ธันวาคม ๒๕๐๙ เวลา ๒๔.๐๐ นาฬิกาถึงเวลา ๐.๑๐ นาฬิกา ของวันที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๕๐๙ จำเลยได้ใช้มีดพกปลายแหลมแทงนายบัญญัติหรือเหว่า โอบเอื้อ โดยเจตนาฆ่า ถูกนายบัญญัติหรือเหว่าที่ราวนมซ้ายใต้รักแร้ทะลุภายในช่องอกถึงแก่ความตาย เหตุเกิดที่ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และสั่งริบมีดของกลางที่ใช้กระทำผิดที่เจ้าพนักงานยึดมาได้
จำเลยให้การว่ากระทำไปเพื่อป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ
นายหยวน โอบเอื้อ บิดาผู้ตายร้องขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยแทงผู้ตายเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุพิพากษายกฟ้อง มีดของกลางไม่ริบ
อัยการโจทก์และโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ พิพากษาแก้ว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๘, ๖๙ ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยกึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๕ แล้วจำคุกจำเลย ๑ ปี ๖ เดือน มีดของกลางริบ
อัยการโจทก์และโจทก์ร่วมฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นป้องกัน
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยได้ใช้มีดปลายแหลมทั้งตัวและด้ามยาว ๑ คืบแทงผู้ตาย ๑ ทีถูกที่ราวนมซ้ายใต้รักแร้ทะลุภายในช่องอกผู้ตายถึงแก่ความตายเพราะบาดแผลที่ถูกแทง เหตุที่เกิดขึ้นเนื่องมาจากผู้ตายและจำเลยเล่นมอญซ่อนผ้า จำเลยเอาผ้าของจำเลยไปซ่อนที่ด้านหลังผู้ตายเป็นการเย้าผู้ตายให้เข้าใจผิดเพื่อจะได้ใช้ผ้านั้นไล่ตีผู้อื่นอันเป็นวิธีการเล่นมอญซ่อนผ้าไม่ใช่เป็นการก่อเหตุเพื่อวิวาท เป็นเหตุทำให้ผู้ตายเกิดความไม่พอใจจำเลย จึงได้ต่อว่าจำเลยแล้วเตะจำเลยก่อน ๑ ที แล้วชักเหล็กแหลมยาว ๑ คืบจากเอววิ่งไล่ทำร้ายจำเลย จำเลยวิ่งหนี เมื่อจำเลยถูกผู้ตายวิ่งไล่ใช้เหล็กแหลมจะทำร้าย จำเลยจึงได้เอี้ยวตัวหลบและใช้มีดแทงผู้ตายไป ๑ ที่จากเหตุผลดังกล่าวเห็นได้ว่าการที่ผู้ตายเตะจำเลยนั้นการกระทำของผู้ตายจึงเป็นการประทุษร้ายจำเลยโดยละเมิดต่อกฎหมายและยังใช้เหล็กแหลมวิ่งไล่ทำร้ายจำเลยอีก ขณะเกิดเหตุจำเลยอายุ ๑๗ ปี เป็นเด็กร่างเล็กกว่าผู้ตาย เมื่อถูกผู้ตายไล่ทำร้ายเช่นนั้นการที่จำเลยใช้มีดแทงผู้ตายไป ๑ ที เพื่อสกัดกั้นไม่ให้ผู้ตายทำร้ายจำเลยต่อไปแล้วจำเลยก็วิ่งหนีไป เช่นนั้น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัว และศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงดังได้วินิจฉัยแล้ว การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา แม้จำเลยจะไม่ฎีกาขึ้นมา เมื่อศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิด ศาลฎีกาก็มีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
จึงพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น