คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15/2542

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

วิธีการคำนวณหารายได้เกี่ยวกับการขายสินค้าไม่ลงบัญชี ของเจ้าพนักงานประเมิน โดยนำสินค้าคงเหลือต้นงวดยกมา บวกด้วย สินค้าที่ซื้อมาระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ลบด้วยสินค้าคงเหลือ ปลายงวด ผลต่างถือว่าเป็นยอดสินค้าที่โจทก์ควรจะขายได้ แล้วนำจำนวนสินค้าที่โจทก์ลงรายได้จากการขายมาหักออก ผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นยอดขายที่ไม่ได้ลงบัญชี แล้วนำยอดขาย ที่ไม่ลงบัญชีดังกล่าวมาคูณด้วยราคาเฉลี่ย ของสินค้าแต่ละชนิด เพื่อหายอด ขายที่โจทก์ลงบัญชีต่ำไป ตามการคำนวณนั้น เป็นการคำนวณเบื้องต้นเพื่อหายอด ขาย ของโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ทำการตรวจสอบเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าจำนวนสินค้าที่ขาดไปบางส่วนเป็นสินค้ามีตำหนิและ นำไปขายในราคาต่ำ สินค้าที่นำไปสาธิตหรือตั้งโชว์ เจ้าพนักงาน ได้นำไปหักออกจากจำนวนสินค้าขายไม่ลงบัญชีที่คำนวณตาม วิธีการดังกล่าวแล้ว การคำนวณหายอด ที่มิได้ลงบัญชีโดยวิธี ดังกล่าวจึงชอบด้วยเหตุผลและมิได้ขัดต่อประมวลรัษฎากร มาตรา 65การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2530 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ ต.6/1016/2100190 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 และสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2531 ตามหนังสือแจ้งการประเมินที่ ต.6/1016/2100196 ลงวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2536 และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ตามคำวินิจฉัยเลขที่ 202/2540/สภ.1 (กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540และเลขที่ 204/2540/สภ.1 (กม.4) ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2540 ให้งดเบี้ยปรับและเงินเพิ่มเสียทั้งหมด
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า การประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ชอบแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้แก้ไขการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์สำหรับภาษีเงินได้นิติบุคคลปี 2531 เป็นว่าให้โจทก์ชำระภาษี 2,686,923.46 บาท กับเบี้ยปรับตามมาตรา 22 จำนวน 1,343,561.73 บาท และเงินเพิ่มตามมาตรา 27 จำนวน 2,686,923.46 บาท รวมเป็นเงิน 6,717,308.65 บาท คำขออื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ใช้วิธีการคำนวณหารายได้จากการขายสินค้าไม่ลงบัญชี โดยใช้วิธีนำสินค้าคงเหลือต้นงวดยกมาบวกด้วยสินค้าที่ซื้อมาระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ลบด้วยสินค้าคงเหลือปลายงวด ผลที่คำนวณได้นำมาหักออกจากจำนวนสินค้าที่โจทก์แสดงรายได้จากการขายส่วนต่างที่เกิดขึ้นนำมาคูณด้วยราคาเฉลี่ยของสินค้าแต่ละชนิดแล้วถือว่าเป็นยอดขายที่โจทก์ไม่ลงบัญชีนั้น โจทก์เห็นว่าวิธีการประเมินดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะเป็นวิธีการที่ประมวลรัษฎากรมิได้บัญญัติไว้ แต่ประมวลรัษฎากรได้บัญญัติเกี่ยวกับเงินได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลไว้ในมาตรา 65ว่า “เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการหรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชี หักด้วยรายจ่ายตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ ฯลฯ”เห็นว่า วิธีการคำนวณหารายได้เกี่ยวกับการขายสินค้าไม่ลงบัญชีของเจ้าพนักงานประเมิน โดยนำสินค้าคงเหลือต้นงวดยกมา บวกด้วยสินค้าที่ซื้อมาระหว่างรอบระยะเวลาบัญชี ลบด้วยสินค้าคงเหลือปลายงวด ผลต่างถือว่าเป็นยอดสินค้าที่โจทก์ควรจะขายได้แล้วนำจำนวนสินค้าที่โจทก์ลงรายได้จากการขายตามรายละเอียดการขายสินค้าเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 275 ถึง 362 มาหักออกผลลัพธ์ที่ได้ถือเป็นยอดขายที่ไม่ได้ลงบัญชีแล้วนำยอดขายที่ไม่ได้ลงบัญชีดังกล่าวมาคูณด้วยราคาเฉลี่ยของสินค้าแต่ละชนิดเพื่อหายอด ขายที่โจทก์ลงบัญชีต่ำไปตามการคำนวณ เอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 237 ถึง 252 นั้น เป็นการคำนวณเบื้องต้นเพื่อหายอดขายของโจทก์ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ทำการตรวจสอบเท่านั้น ปรากฏว่าเมื่อโจทก์มาชี้แจงเพิ่มเติมว่า จำนวนสินค้าที่ขาดไปบางส่วนเป็นสินค้ามีตำหนิและนำไปขายในราคาต่ำ สินค้าที่นำไปสาธิตหรือตั้งโชว์ เจ้าพนักงานได้นำไปหักออกจากจำนวนสินค้าขายไม่ลงบัญชีที่คำนวณตามวิธีการดังกล่าวแล้ว ตามที่โจทก์นำหลักฐานมาแสดงปรากฏตามบันทึก เอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 231 ถึง 234 การคำนวณหายอด ที่มิได้ ลงบัญชีโดยวิธีดังกล่าว จึงชอบด้วยเหตุผลและมิได้ขัดกับประมวลรัษฎากร มาตรา 65 แต่ประการใด นอกจากนี้ยังปรากฏ ข้อเท็จจริงตามคำร้องขอลดเบี้ยปรับของโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 32 และ 33 ซึ่งเป็นบันทึกข้อตกลงยินยอมชำระภาษีอากร ตามเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 34 และบันทึกคำให้การของนายเดวิด อิทธิธนวัฒนา ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.2 แผ่นที่ 35 ถึง 37 ว่านายเดวิดผู้รับมอบอำนาจโจทก์ยอมรับว่าโจทก์บันทึกบัญชีผิดพลาด และยอมรับว่าการคำนวณภาษีของผู้ตรวจสอบภาษีและเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ 1 ถูกต้องแล้วดังนั้นที่ศาลภาษีอากรกลางวินิจฉัยว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินดังกล่าวชอบแล้วนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรเห็นพ้องด้วย
พิพากษายืน

Share