คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1498/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อถอนบ้านเรื่อนและสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่าที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนอยู่ ไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ ดังฟ้อง คู่ความตกลงท้ากันให้เจ้าหน้าที่ดินสอบเขตโฉนดที่ดินของโจทก์ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ ถ้าสอบแล้ว ปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาล โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรับวัดส่งแผนที่มายังศาลปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากาาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานรังวัดสอบเขตเกินไปจากเนื้อที่ในโฉนด 54 ตารางวา กรณีเป็นที่สงสัยว่าเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เกินจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่ เพราะที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้านั้นแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ขอปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยในที่ดินโฉนดเลขที่ ๖๔๔๑ ของนางสวงมารดาโจทก์ ต่อมานางสวงจดทะเบียนยกกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวให้โจทก์ โจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินทำประโยชน์อย่างอื่น ขอให้ศาลบังคับจำเลยให้รื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนอยู่จำเลยไม่ได้อาศัยนางสวงมารดาโจทก์และไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังฟ้อง
ในชั้นพิจารณา คู่ความท้ากันเป็นข้อแพ้ชนะว่า ให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบเขตโฉนดที่ดินเลขที่ ๖๔๔๑ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ ถ้าสอบแล้ว ปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้
ศาลชั้นต้นขอให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดสอบเขตที่ดินตามคำท้าเจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดสอบเขตเสร็จแล้วส่งรูปแผนที่มายังศาล ปรากฏว่าเรือนจำเลยอยู่ในเขตทีดินโฉนดเลขที่ ๖๔๔๑ โจทก์จำเลยดูแผนที่แล้วโจทก์ว่า แผนที่ถูกต้อง จำเลยแถลงว่ าเนื้อที่ตามแผนที่เกินกว่า เนื้อที่โจทก์ฟ้อง ๕๔ ตารางวา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ตามรูป แผนที่พิพาท เรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ จำเลยต้องยอมแพ้คดีตามคำท้า พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปให้พ้นจากที่ดินโฉนดที่ ๖๔๔๑ ของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานทำการรังวัดสอบเขตที่ดินโฉนดที่ฟ้องได้เนื้อที่ ๒ งาน ๖๒ ตารางวา เกินกว่าเนื้อที่ในโฉนดไป ๕๔ ตารางวา และที่ดินที่จำเลยปลูกเรือนมีเนื้อที่เพียง ๑๗ ตารางวา เรือนจำเลยอยู่นอกเขตโฉนดของโจทก์ ข้อเท็จจริงจังยังไม่ยุติต้องสืบพยานต่อไป
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คู่ความตกลงท้ากันแล้วว่า ให้เจ้าพนักงานที่ดินสอบเขตโฉนดเลขที่ ๖๔๔๑ ถ้าปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ดังกล่าว หรือแต่บางส่วน จำเลยยอมแพ้ ถ้าสอบแล้ว ปรากฏว่าเรือนที่จำเลยอยู่ไม่ได้ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ โจทก์ยอมแพ้ ดังนี้เป็นเรื่องที่คู่ความยอมรับข้อเท็จจริงกันในศาล โดยมีเงื่อนไขให้ถือเอาการรังวัดสอบเขตของเจ้าพนักงานที่ดินเป็นข้อแพ้ชนะระหว่างกัน ฉะนั้น เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินได้ทำการรับวัดส่งแผนที่มายังศาลปรากฏว่าเรือนที่จำเลยปลูกอยู่ปลูกอยู่ในเขตที่ดินของโจทก์ อันเป็นการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่คู่ความตกลงท้ากันครบถ้วนแล้ว ศาลก็ต้องพิพากษาคดีไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏนั้น จำเลยจะอ้างว่าเนื้อที่ดินที่เจ้าพนักงานรังวัดสอบเขตโฉนดเลขที่ ๖๔๔๑ เกินไปจากเนื้อที่ในโฉนด ๕๔ ตารางวา กรณีเป็นที่สงสัยว่าเรือนของจำเลยปลูกอยู่ในที่ดินส่วนที่เกินจะต้องฟังข้อเท็จจริงต่อไปหาได้ไม่ เพราะที่ดินของโจทก์มีเนื้อที่เท่าใดไม่เป็นประเด็นในคำท้า ข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นอันยุติไปตามคำท้านั้นแล้ว
พิพากษายืน

Share