คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1496/2539

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินที่จำเลยขายให้แก่โจทก์มีเนื้อที่85ตารางวามิได้มีเนื้อที่ส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตทางหลวงดังนั้นที่จำเลยส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์โดยชี้ว่าเขตที่ดินด้านทิศใต้อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวง7.50เมตรตามที่โจทก์ฟ้องซึ่งความจริงแล้วเขตที่ดินด้านที่อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวงมากกว่าที่จำเลยชี้อันเป็นผลทำให้ที่ดินที่จำเลยส่งมอบให้แก่โจทก์มีเนื้อที่ขาดไป30ตารางวาจึงเป็นกรณีที่จำเลยผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่โจทก์ผู้ซื้อขาดตกบกพร่องไม่ครบจำนวนตามที่ตกลงซื้อขายกันโจทก์ผู้ซื้อจึงต้องฟ้องให้จำเลยรับผิดภายใน1ปีนับแต่วันที่จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา467

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2529 โจทก์ซื้อที่ดินตามหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1660เลขที่ดิน 92 หมู่ที่ 6 ตำบลเสวียด อำเภอท่าฉางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 85 ตารางวา ไปจากจำเลยในราคา5,000 บาท ต่อมาวันที่ 2 พฤศจิกายน 2535 โจทก์ให้พนักงานที่ดินอำเภอท่าฉางตรวจสอบความถูกต้องที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าที่ดินที่โจทก์ซื้อจากจำเลย ตำแหน่งที่ตั้งของที่ดินจะต้องอยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางของทางหลวงสายบางน้ำจืด-บ้านตะกุกเหนือ 15 เมตรแต่ที่จำเลยนำชี้ให้โจทก์ครอบครองนั้นอยู่ห่างเพียง 7.50 เมตรดังนั้นเนื้อที่ 30 ตารางวา จาก 85 ตารางวา จึงอยู่ในเขตทางหลวงโจทก์ขอให้จำเลยยอมให้โจทก์ครอบครองที่ดินดังกล่าวให้ถูกต้องครบ 85 ตารางวา แต่จำเลยไม่ยินยอมทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยจัดการให้โจทก์ได้ครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1660 เลขที่ดิน 92ให้ครบ 85 ตารางวา หากไม่สามารถจัดการได้ให้จำเลยใช้เงิน12,000 บาท แก่โจทก์แทน
จำเลยให้การว่า โจทก์และจำเลยได้ตกลงซื้อขายที่ดินตามที่โจทก์ฟ้องกันจริง เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดเป็นการขายทั้งแปลงเป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท โดยจำเลยส่งมอบที่ดินที่ซื้อขายให้โจทก์ครอบครองแล้วในวันซื้อขายคือวันที่ 27 มิถุนายน 2529 โดยโจทก์ไม่ติดใจที่จะให้เจ้าพนักงานที่ดินไปตรวจสอบรังวัดความถูกต้องของที่ดิน การที่โจทก์ฟ้องมาฟ้องบังคับจำเลยให้มอบที่ดินที่ยังขาดอยู่อีก 30 ตารางวา จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่าเมื่อวันที่27 มิถุนายน 2529 จำเลยโอนขายที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1660 เลขที่ดิน 92 หมู่ที่ 6 ตำบลเสวียดอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 85 ตารางวา ให้แก่โจทก์จำเลยได้ส่งมอบที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)สำหรับที่ดินที่ซื้อขายให้แก่โจทก์เข้าครอบครองในวันเดียวกันนั้นต่อมาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2535 โจทก์ได้ให้เจ้าพนักงานที่ดินทำการรังวัดที่ดินที่ซื้อจากจำเลย ปรากฏว่าจำเลยชี้เขตและส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์ขาดไป 30 ตารางวา คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1660 ตำบลเสวียด อำเภอท่าฉางจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่จำเลยขายให้แก่โจทก์ ซึ่งตามสำเนาหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับดังกล่าว ที่จำเลยส่งศาลเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2536 มีเนื้อที่ 85 ตารางวา ตรงตามสำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 ตามแผนที่รูปที่ดินในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ฉบับนี้ มิได้มีเนื้อที่ส่วนใดรุกล้ำเข้าไปในเขตทางหลวง ดังนั้น ที่จำเลยส่งมอบที่ดินให้แก่โจทก์โดยชี้ว่าเขตที่ดินด้านทิศใต้อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวง7.50 เมตร ตามที่โจทก์ฟ้อง ซึ่งความจริงแล้วเขตที่ดินด้านที่อยู่ห่างจากจุดกึ่งกลางทางหลวงมากกว่าที่จำเลยชี้ อันเป็นผลทำให้ที่ดินที่จำเลยส่งมอบให้แก่โจทก์มีเนื้อที่ขาดไป 30 ตารางวาจึงเป็นกรณีที่จำเลยผู้ขายส่งมอบทรัพย์สินที่ขายให้แก่โจทก์ผู้ซื้อขาดตกบกพร่อง ไม่ครบจำนวนตามที่ตกลงซื้อขายกัน โจทก์ผู้ซื้อจึงต้องฟ้องให้จำเลยรับผิดภายใน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบทรัพย์สินที่ซื้อขายให้แก่โจทก์ ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 467 ข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยส่งมอบที่ดินที่ขายให้แก่โจทก์เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2529 โจทก์มาฟ้องเมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2536 เกิน 1 ปี นับแต่วันที่จำเลยส่งมอบที่ดินให้แล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์

Share