คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1492/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บัตรกำนัล มีดอกเบี้ย ที่พิพาทเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 16(4) และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มีคำสั่งให้ยึดและอายัดไว้ และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีความเห็นว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดยังต้องเก็บรักษาบัตรกำนัล ดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามคำร้องของพนักงานอัยการที่ขอให้ศาลริบทรัพย์สินให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แต่เมื่อคดีดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุด จึงยังไม่มีการริบ ดังนี้ แม้บัตรกำนัล ดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ก็ตาม แต่ถ้าศาลสั่งริบบัตรกำนัลย่อมตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดการที่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยขอให้ส่งบัตรกำนัลดังกล่าวต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมเป็นการขัดสิทธิของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีอยู่เหนือบัตรกำนัล ดังกล่าวนี้ กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าลักษณะเป็นสิทธิอื่น ๆ ตามมาตรา 287 โจทก์จะขอให้ยึดหรือส่งบัตรกำนัล ดังกล่าวเสียทีเดียวไม่ได้ได้แต่เพียงอายัดไว้ในกรณีที่บัตรกำนัลดังกล่าวจะต้องคืนแก่จำเลยเท่านั้นหากศาลในคดีอาญาสั่งไม่ริบ

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 1,075,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน 1,000,000 บาท นับจากวันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความให้ 1,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการยึดและอายัดบัตรกำนัลมีดอกเบี้ยธนาคารศรีนคร จำกัดสาขาบางลำภู 2 ฉบับ รวมจำนวน 1,300,000 บาท ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลย เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งว่า ทรัพย์สินที่ขอให้ยึดถูกคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดยึดและอายัดไว้เพื่อบังคับตามกฎหมาย เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีอำนาจยึดไว้ได้ โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้สั่งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินส่งทรัพย์สินที่ขอให้ยึดแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีหรือศาลเพื่อดำเนินการตามสิทธิของโจทก์
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า บัตรกำนัลของลูกหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวได้ถูกคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ยึดและอายัดไว้เพื่อบังคับตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีลักษณะเป็นการลงโทษทางอาญาแก่ลูกหนี้ตามคำพิพากษา ยังผลให้เจ้าหนี้ต่าง ๆ แม้แต่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาไม่อาจบังคับชำระหนี้เอาจากทรัพย์ดังกล่าวได้เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงไม่มีอำนาจเรียกให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดส่งบัตรกำนัล 2 ฉบับข้างต้นไป ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าโจทก์ขอให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดส่งมอบบัตรกำนัลมีดอกเบี้ยธนาคารศรีนครจำกัด สาขาบางลำภู จำนวน 2 ฉบับ ของจำเลยแก่ศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อดำเนินการตามสิทธิของโจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาต่อไปได้หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าบัตรกำนัลมีดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำเกี่ยวกับยาเสพติด คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินได้อาศัยอำนาจตามมาตรา 16(4) และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534มีคำสั่งให้ยึดและอายัดไว้และคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินมีความเห็นว่า สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดยังต้องเก็บรักษาบัตรกำนัลดังกล่าวไว้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามคำร้องของพนักงานอัยการที่ขอให้ศาลริบทรัพย์สินให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด แต่จนบัดนี้คดีอาญาดังกล่าวยังไม่ถึงที่สุดจึงยังไม่มีการริบ ดังนี้แม้บัตรกำนัลดังกล่าวยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยอยู่ก็ตามแต่ถ้าศาลสั่งริบ บัตรกำนัลย่อมตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติด การที่โจทก์ขอให้ส่งบัตรกำนัลดังกล่าวต่อศาลหรือเจ้าพนักงานบังคับคดีก็ย่อมเป็นการขัดสิทธิของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดที่มีอยู่เหนือบัตรกำนัลดังกล่าวนี้กรณีต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมีสิทธิชนิดหนึ่งอันเข้าลักษณะเป็นสิทธิอื่น ๆ ตามมาตรา 287 โจทก์จะขอให้ยึดหรือส่งบัตรกำนัลดังกล่าวเสียทีเดียวไม่ได้ ได้แต่เพียงอายัดไว้ในกรณีที่บัตรกำนัลดังกล่าวจะต้องคืนแก่จำเลยเท่านั้น หากศาลในคดีดังกล่าวไม่ริบ
พิพากษายืน

Share