คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1490/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทโจทก์ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในประเทศอังกฤษและมีสำนักงานอยู่ในประเทศอังกฤษ บริษัทโจทก์จะเป็นนิติบุคคลตาม กฎหมายไทยหรือไม่ โจทก์ก็ขึ้นศาลเพื่อเป็นโจทก์หรือเป็นจำเลยในศาลไทยได้ตามความในข้อ 20 แห่งหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงอังกฤษลงวันที่ 14 ก.ค.68 และข้อ 4-5(2) ของสนธิสัญญาการพานิชย์และการเดินเรือระหว่างไทยกับอังกฤษลงนามกันวันที่ 23 พ.ย. 80

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องและยื่นคำร้องขอให้ศาล พิพากษาแสดงว่าโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า คัสสัน โคโรเนชั่นกับรูปราชรถเทียมม้า 4 ขับผ่านโบสถ์ ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ 21143 ซึ่งจะจดทะเบียนตาม พระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้าได้จำเลยไม่มีสิทธิจะจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามคำขอเลขที่ 17538 และสั่งให้เพิกถอนหรือให้จำเลยถอนคำขอนั้นเสีย ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 2,500 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีจนกว่าจะใช้เงินเสร็จ

จำเลยให้การต่อสู้ว่า ไม่รับรองว่าบริษัทโจทก์เป็นนิติบุคคลและจำหน่ายสินค้าดังฟ้อง พระยาอรรถกรมมณุตตีไม่มีอำนาจฟ้อง และว่าเครื่องหมายการค้าที่โจทก์ฟ้องเป็นของจำเลยประดิษญ์ขึ้น กับต่อสู้ทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายอีกหลายประการกับตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ส่วนค่าเสียหายโจทก์ไม่มีอำนาจเรียก

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่าโจทก์เป็นนิติบุคคลฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพระยาอรรถกรมมณุตตีมีอำนาจฟ้อง พิพากษาว่าโจทก์มีความชอบธรรมที่จะใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทนี้โดยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ 21143 ดีกว่าจำเลย ส่วนที่เรียกค่าเสียหายจากจำเลย โจทก์เรียกจากจำเลยไม่ได้เพราะเป็นค่าใช้จ่ายธรรมดาที่จะต้องใช้เพื่อความระวังรักษาสิทธิหรือผลประโยชน์ของโจทก์เองจึงให้ยกเสีย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนให้ยกอุทธรณ์จำเลย

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาได้ประชุมปรึกษาคดีนี้แล้ว ในประเด็นที่จำเลยโต้เถียงว่าบริษัทโจทก์ไม่ได้เป็นนิติบุคคลไม่มีอำนาจนำคดีมาฟ้องศาลนั้นเห็นว่าข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์เป็นบริษัทที่ได้จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายในประเทศอังกฤษและมีสำนักงานอยู่ในประเทศอังกฤษจริง โจทก์จะเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยหรือไม่ โจทก์ขึ้นศาลเพื่อเป็นโจทก์หรือเป็นจำเลยในศาลไทยได้ตามความในข้อ 20 แห่งหนังสือสัญญาระหว่างกรุงสยามกับกรุงอังกฤษลงวันที่ 14 กรกฎาคม 2468 และข้อ 4-5(2) ของสนธิสัญญาการพานิชย์และการเดินเรือระหว่างไทยกับอังกฤษ ลงนามกันวันที่ 23 พฤศจิกายน 2480 ฎีกาของจำเลยในข้อนี้จึงตกไป

ส่วนในประเด็นข้อที่ว่าใครจะมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดีกว่ากันเห็นว่าโจทก์มีความชอบธรรมที่จะใช้เครื่องหมายการค้าพิพาทนี้ดีกว่าจำเลย การที่จำเลยยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านี้ไว้ก่อนโจทก์ตั้ง 2 ปี ฝ่ายโจทก์ยื่นคำขอคัดค้านภายในกำหนด 3 เดือนตามกฎหมายแล้ว จำเลยจึงยังไม่มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าที่ยื่นขอจดทะเบียน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษามาชอบแล้วฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย

Share