คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1483/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การให้ค่าสินไหมทดแทนในกรณีผิดสัญญา ก็เพื่อที่จะชดใช้และให้ความพอใจแก่ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาสำหรับความเสียหายที่ฝ่ายนั้นได้รับ ฉะนั้น จึงต้องกำหนดจำนวนเงินที่จะให้ให้เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญากลับไปอยู่ในฐานะเดิมเช่นเดียวกับเมื่อไม่มีการผิดสัญญาเกิดขึ้น
คดีโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนที่ให้โจทก์ตามสัญญาจะขายถ้าจำเลยโอนที่ให้โจทก์ โจทก์ก็ย่อมได้ที่ถ้าหากที่นั้นมีราคามากกว่าราคาที่ตกลงไว้ในสัญญา ราคาที่ผิดกันนั้น ย่อมเป็นผลประโยชน์ที่โจทก์สูญเสียไป จึงเป็นหลักค่าคำนวณค่าเสียหายได้
ในกรณีที่ผู้ขายที่ดินผิดสัญญา มีปัญหาว่าจะเอาราคาอันใด เมื่อได้ไปเทียบกับราคาในสัญญาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 222 ไม่ได้กำหนดข้อนี้ไว้ ทั้งเป็นกรณีไม่ได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ในสัญญา จึงไม่เข้ามาตรา 380 เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่าเมื่อครบกำหนดโอนตามสัญญา จำเลยผัดผ่อนเรื่อยมาเพิ่งมาปฏิเสธไม่ยอมขายในภายหลัง จึงจะถือเอาราคาที่ดินในวันที่ครบกำหนดโอนตามสัญญาไม่ได้

ย่อยาว

คดีแรก น.ส.แดง ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาจะขายที่ดินของจำเลยให้โจทก์ 3 ไร่ โจทก์ได้วางมัดจำไว้ 500 บาท ตกลงโอนกันภายใน 90 วัน เมื่อถึงกำหนดจำเลยกลับให้ทนายความมีหนังสือขอเลิกสัญญาจึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนขายตารางวาละ 10 บาท ถ้าไม่สามารถก็คืนมัดจำและใช้ค่าเสียหาย 60,500 บาท จำเลยรับว่าทำสัญญาจริงแต่โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา จำเลยได้บอกเลิกสัญญากับโจทก์แล้วนายผันผู้เป็นเจ้าของร่วมกับจำเลยไม่ยอมขายเป็นการพ้นวิสัยที่จำเลยจะขายได้ ค่าเสียหายโจทก์ตีราคาสูง

อีกคดีหนึ่ง นางจันทร์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาจะขายที่ดินให้แก่นายประวัติสามีนางจันทร์ 4 ไร่ ๆ ละ 10 บาท นายประวัติวางมัดจำไว้ 600 บาท ตกลงไปโอนขายใน 90 วัน แล้วจำเลยไม่จัดการโอน บัดนี้นายประวัติตาย จำเลยรับมรดกสิทธิตามพินัยกรรม จึงขอให้บังคับจำเลยโอนขายถ้าไม่สามารถก็ให้คืนมัดจำ และใช้ค่าเสียหาย 80,000 บาทจำเลยต่อสู้เช่นเดียวกับคดีแรก

ศาลชั้นต้นพิจารณาคดี 2 เรื่องรวมกัน แล้วพิพากษาว่าจำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญา ให้จำเลยโอนขายที่ให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถโอนได้ให้คืนมัดจำและใช้ค่าเสียหายให้ น.ส.แดง 36,000 บาท นางจันทร์โจทก์ 48,000 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การให้ค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในกรณีผิดสัญญา ก็เพื่อที่จะชดใช้และให้ความพอใจแก่ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญาสำหรับความเสียหายที่ฝ่ายนั้นได้รับ ฉะนั้นจึงต้องกำหนดจำนวนเงินที่จะให้ ให้เพียงพอที่จะทำให้ฝ่ายที่ไม่ผิดสัญญากลับไปอยู่ในฐานะเดียวกับถ้าไม่มีการผิดสัญญาเกิดขึ้น แต่การคำนวณให้ตรงแน่ชัดนั้นปกติย่อมไม่สามารถจะกระทำได้ ถึงกระนั้นก็ต้องพยายามคำนวณให้ใกล้ที่สุดที่จะใกล้ได้ สำหรับคดีเรื่องนี้ ถ้าจำเลยโอนที่ให้โจทก์โจทก์ย่อมได้ที่ และถ้าที่นั้นมีราคามากกว่าราคาที่ตกลงไว้ในสัญญาราคาที่ผิดกันนั้นย่อมเป็นผลประโยชน์ที่โจทก์สูญเสียไป จึงเป็นหลักคำนวณค่าเสียหายได้ ปัญหามีว่าจะเอาราคาในวันใดเมื่อได้ไปเปรียบเทียบกับราคาในสัญญาประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 222 ก็ไม่ได้กำหนดข้อนี้ไว้ ทั้งกรณีในคดีนี้ก็ไม่ได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ในสัญญา จึงไม่เข้ามาตรา 380เมื่อคิดถึงหลักในการให้ค่าสินไหมทดแทนดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับกฎหมายไม่ประสงค์ให้มีการค้ากำไรในการผิดสัญญา และเป็นหน้าที่ของฝ่ายผิดสัญญา จะต้องช่วยเหลือให้การเสียหายเบาบางลงตามที่ควร สำหรับคดีนี้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เมื่อครบกำหนดการโอนตามสัญญาแล้วจำเลยได้ผัดผ่อนเรื่อยมาต่อมาภายหลังจึงปฏิเสธไม่ยอมขาย เมื่อจำเลยเองเป็นฝ่ายผัดผ่อนให้ความหวังต่อโจทก์มาเช่นนี้ จะถือราคาวันครบโอนตามสัญญาไม่ได้

พิพากษายืน

Share