คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1481/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายนำสืบก่อน ยื่นคำร้องขอระบุพยานในวันนัดสืบพยานโจทก์อ้างว่า ตัวโจทก์ขอสำนวนไปดูแล้วเพิ่งจะส่งคืนในวันนั้น ก่อนหน้านี้ทนายโจทก์ไม่ทราบว่า มีบุคคลใดและพยานเอกสารใดพอจะอ้างเป็นพยานได้ จำเลยคัดค้านว่าไม่สมควรอนุญาติแต่มิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้าง จึงฟังได้ตามคำร้องเมื่อไม่ปรากฏตัวโจทก์ทราบว่าทนายโจทก์ต้องใช้สำนวนในการยื่นบัญชีระบุพยานจะถือว่าโจทก์จงใจไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน ก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันมิได้ คดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน การรับระบุพยานของโจทก์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ จึงมีเหตุผลสมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 วรรค 3
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยาน และถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป คำสั่งตอนที่ว่า ถือว่า โจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานต่อไป เป็นผลของข้อความตอนต้นที่สั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน เมื่อโจทก์โต้แย้งคำสั่งไม่อนุญาตให้โจทก์ดระบุพยาน จึงเป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิ์อุทธรณ์ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและบริวารได้บุกรุกเข้าไปไถที่ดินของโจทก์และชดใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่า จำเลยได้เข้าครอบครองที่ดินแปลงพิพาทอย่างเป็นเจ้าของโดยสุจริตและเปิดเผยมาเกินกว่า ๒๐ ปีแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นให้นัดสืบพยานโจทก์ก่อน ถึงวันนัดทนายโจทก์ขอเลื่อนอ้างว่าป่วย ทนายจำเลยไม่ค้าน ศาลอนุญาต ครั้นถึงวันนัดครั้งที่ ๒ โจทก์ยื่นคำร้องขอระบุพยาน ทนายจำเลยคัดค้านว่า ไม่สมควรอนุญาต ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและให้ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยาน ให้นัดสืบพยานจำเลยต่อไป โจทก์ยื่นคำแถลงโต้แย้งไว้แล้ว ครั้นสืบพยานจำเลยเสร็จแล้วศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ไว้พิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนได้ยื่นคำร้องขอระบุพยานในวันนัดสืบพยานโจทก์ โดยอ้างว่า ตัวโจทก์ขอสำนวนจากทนายโจทก์ไปดูแล้วไม่ส่งคืน ทนายโจทก์ไม่ทราบว่าจะมีบุคคลใดและพยานเอกสารใดพอจะอ้างเป็นพยานได้บ้าง ตัวโจทก์เพิ่งนำสำนวนมาคืนทนายโจทก์ในวันนัดสืบพยาน โจทก์ ทนายโจทก์จึงยื่นคำร้องขอระบุพยานในวันเดียวกัน พิเคราะห์แล้ว จำเลยมิได้คัดค้านเหตุที่โจทก์อ้าง จึงฟังได้เป็นจริงตามคำร้อง แม้เหตุที่ทนายโจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยานเกิดจากตัวโจทก์ไม่ส่งสำนวนคืนทนาย แต่ไม่ปรากฏว่าตัวโจทก์ทราบแล้วว่าทนายโจทก์ต้องใช้สำนวนในการยื่นบัญชีระบุพยาน จึงจะถือว่าโจทก์จงใจฝ่าฝืนไม่ยื่นบัญชีระบุพยานก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า ๓ ่วันมิได้ ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าโจทก์เคยขอเลื่อนการสืบพยานมาครั้งหนึ่งแล้ว เพราะทราบว่ายังไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานข้อนี้ปรากฏว่าโจทก์ขอเลื่อนโดยอ้างว่าทนายโจทก์ป่วย จำเลยมิได้คัดค้าน จะฟังว่า โจทก์ขอเลื่อนเพราะยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานมิได้ และที่จำเลยอ้างว่าเมื่อทนายโจทก์ยังไม่มีสำนวนก็ควรยื่นบัญชีระบุพยานเพียงตัวโจทก์ไว้ก่อน แล้วระบุเพิ่มเติมในวันสืบพยานก็ได้นั้น เป็นเรื่องการปฏิบัติของแต่ละคน ทนายโจทก์มิได้ทำเช่นนั้น ไม่พอถือว่าจงใจฝ่าฝืนกำหนดเวลา เพื่อยื่นบัญชีระบุพยาน พฤติการณ์ ไม่ปรากฏว่าจำเลยประวิงคดีและคดีนี้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อนการรับระบุพยานของโจทก์ไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบ ทั้งตามบัญชีระบุพยานของโจทก์คงระบุตัวโจทก์กับพยานบุคคลอีกปากหนึ่งและพยานเอกสาร ๔ อันดับ จึงมีเหตุสมควรรับบัญชีระบุพยานของโจทก์ เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๘๘ วรรคสาม อนึ่งที่จำเลยฎีกาอ้างคำสั่งศาลชั้นต้นที่ถือว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะสืบพยานเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาโจกท์มิได้โต้แย้งไว้ จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์นั้น เห็นว่า ข้อความดังกล่าวเป็นผลของข้อความตอนต้นของคำสั่งที่ไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยาน เป็นคำสั่งฉบับเดียวกัน โจทก์ได้ยื่นคำแถลงโต้แย้งการที่ศาลไม่อนุญาตให้โจทก์ระบุพยานไว้แล้ว เป็นการโต้แย้งคำสั่งทั้งฉบับ โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน

Share