แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เรียกเก็บเงินค่ากระแสไฟฟ้าโดยทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับใบแจ้งหนี้เป็นรายเดือนทุกเดือน แต่โจทก์ก็ไม่ได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าจะเรียกเก็บวันใดการส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าก็ไม่มีกำหนดเวลา สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบ กำหนดเวลาชำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าจึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม หนี้ค่ากระแสไฟฟ้าดังกล่าวจึงไม่ใช่หนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนเมื่อโจทก์ยอมผ่อนผันเวลาให้แก่ลูกหนี้ก็ไม่ทำให้จำเลยผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยในฐานะผู้ค้ำประกันให้รับผิดขำระหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าที่ห้างหุ้นส่วนจำกัดมันไทยพืชผลบุรีรัมย์ ค้างชำระรวมดอกเบี้ยเป็นเงิน ๔๓,๑๓๗.๗๐ บาท
จำเลยให้การว่าได้ทำสัญญาค้ำประกันตามฟ้องจริง แต่ความผูกพันตามสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว ทั้งโจทก์ได้ขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่ลูกหนี้ โดยจำเลยมิได้ตกลงด้วย จำเลยจึงพ้นความรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๐,๓๐๐.๑๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปีแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยชำระเงิน ๒๐,๓๐๐.๑๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะประเด็นที่ว่าหนี้ค่ากระแสไฟฟ้าที่จำเลยเป็นผู้ค้ำประกันในคดีนี้เป็นหนี้ที่มีกำหนดเวลา
ชำระหนี้แน่นอนหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะเรียกเก็บค่ากระแสไฟฟ้าเป็นรายเดือนทุกเดือนแต่ก็มิได้กำหนดวันที่เรียกเก็บไว้แน่นอนว่าโจทก์จะเรียกเก็บวันใด การเรียกเก็บโจทก์จะทำเป็นใบแจ้งหนี้ให้ทราบเพื่อให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าชำระภายใน ๑๕ วัน การที่โจทก์ส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้ใช้กระแสไฟฟ้าทราบนั้นก็ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอนว่าเป็นวันใด สุดแล้วแต่โจทก์จะแจ้งให้ทราบกำหนดเวลาชำระหนี้จึงแล้วแต่โจทก์จะทวงถาม ถือไม่ได้ว่าเป็นหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๗๐๐ ดังนั้น แม้โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ยอมผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ ก็หาทำให้จำเลยผู้ต้ำประกันหลุดพันจากความรับผิดตามบทบัญญัติแห่งมาตราดังกล่าวไม่ ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน