แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะที่โจทก์ส่งบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยที่บ้านเลขที่ 140/2 นั้น จำเลยย้ายไปอยู่ที่บ้านเลขที่ 42 แล้ว แต่ปรากฏในสัญญาเช่า ซึ่งจำเลยทำไว้กับเจ้าของเดิมระบุว่าอยู่บ้านเลขที่ 140/2 และจำเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลยที่ดังกล่าว ทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความรับว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ 140/2 แต่หลังจากให้ผู้อื่นเช่าไปแล้วไม่เคยกลับไปอยู่อีก ดังนี้ แสดงว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าทั้งบ้านเลขที่ 42 และ 140/2 เป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 45 การที่โจทก์บอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ 140/2 จึงชอบด้วยกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเช่าที่ดินเพื่อปลูกบ้านอยู่อาศัยจากเข้าของเดิม ซึ่งต่อมาได้ขายให้แก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระค่าเช่า โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญา จำเลยได้รับแล้วแต่ไม่ยอมรื้อบ้านออกไป โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้ศาลบังคับ
จำเลยให้การว่า เมื่อสัญญาเช่าสิ้นสุด ผู้ให้เช่ายังเก็บค่าเช่าจากจำเลยตลอดมา ถือว่าจำเลยเช่าโดยไม่มีกำหนดเวลา โจทก์ส่งคำบอกกล่าวเลิกการเช่าไปยังบ้านเลขที่ ๑๔๐/๒ ซึ่งจำเลยย้ายออกไปแล้ว จำเลยไม่ทราบคำบอกกล่าว โจทก์ยังไม่มีสิทธิฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวาร และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาสั่งรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า การส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าแก่จำเลยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ โดยข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยอยู่บ้านเลขที่ ๔๒ โจทก์ส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ ๑๔๐/๒ วินิจฉัยว่า สัญญาเช่าที่จำเลยทำไว้กับเจ้าของเดิมระบุว่าจำเลยอยู่บ้านเลขที่ ๑๔๐/๒ และจำเลยยังมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ดังกล่าว ในชั้นพิจารณาจำเลยเบิกความรับว่าจำเลยยังคงมีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านเลขที่ ๑๔๐/๒ แต่หลังจากให้ผู้อื่นเช่าไปแล้วไม่ได้กลับไปอยู่อีก ดังนี้แสดงว่าจำเลยมีถิ่นที่อยู่หลายแห่งสับเปลี่ยนกันไป ถือได้ว่าทั้งบ้านเลขที่ ๔๒ และเลขที่ ๑๔๐/๒ เป็นภูมิลำเนาของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๔๕ การที่โจทก์ส่งคำบอกกล่าวเลิกสัญญาเช่าไปที่บ้านเลขที่ ๑๔๐/๒ จึงเป็นการชอบด้วยกฎหมายแล้ว
พิพากษายืน