แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า คดีนี้อยู่อำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งมีศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรังเปิดดำเนินการแล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรังเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปตามนัย มาตรา 13 และ 15 วรรคสอง แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้อง และให้โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมสัญญาหนังสือซื้อขายและเพิกถอนการจดทะเบียนโฉนดที่ดินเลขที่ 10310, 29129 และ 29130 ตั้งอยู่ตำบลควนปริง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ระหว่างจำเลยทั้งสอง ให้โฉนดที่ดินทั้งสามกลับคืนสู่สถานะเดิม หากจำเลยทั้งสองไม่ดำเนินการขอถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
วันนัดพร้อมจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องว่า คดีไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลจังหวัดตรัง เพราะเป็นคดีครอบครัวอยู่ในอำนาจพิจารณาคดีของศาลเยาวชนและครอบครัว ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 มาตรา 11 ศาลจังหวัดตรังมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปให้ประธานศาลฎีกาเพื่อวินิจฉัยชี้ขาด
ประธานศาลฎีกาได้วินิจฉัยว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวตามคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาที่ ยช 46/2552
ศาลชั้นต้นได้อ่านคำวินิจฉัยของประธานศาลฎีกาให้คู่ความฟังแล้วมีคำสั่งว่า คำสั่งประธานศาลฎีกาเป็นที่สุด คดีจึงไม่อยู่ในอำนาจของศาลนี้ ให้ยกฟ้อง โดยให้โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจ จำหน่ายคดีจากสารบบความ
โจทก์อุทธรณ์โดยขออนุญาตยื่นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา จำเลยทั้งสองไม่คัดค้าน ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา แม้ศาลชั้นต้นมิได้สั่งอุทธรณ์ก็พอแปลได้ว่าการที่ศาลชั้นต้นสั่งให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกา เป็นการอนุญาตให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ วรรคหนึ่งแล้ว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อประธานศาลฎีกาได้มีคำวินิจฉัยแล้วว่า คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งมีศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรังเปิดดำเนินการอยู่แล้ว ชอบที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรังเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไปตามนัย มาตรา 13 และ 15 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2534 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้อง และให้โจทก์นำคดีไปฟ้องต่อศาลที่มีอำนาจจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษากลับให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้อง ให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งโอนคดีไปยังศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดตรังเพื่อพิจารณาพิพากษาต่อไป ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 14 วรรคสอง