คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1476/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

นายพีรพลขับรถโจทก์ไปตามถนนและเกิดชนกันขึ้นกับรถของจำเลยแม้หากศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญาว่า เหตุที่รถชนกันขึ้นเนื่องจากจำเลยและนายพีรพลต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาททั้งสองฝ่ายก็ตามแต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็มิใช่เพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยแต่ประการใด ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องร่วมรับผิดกับนายพีรพลตามกฎหมาย ในผลที่นายพีรพลขับรถชนโดยประมาทแต่ประการใดด้วย โจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์คันที่นายพีรพลขับจึงย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้ทั้งจากนายพีรพลและจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 424 เพราะทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างละเมิดโจทก์ด้วยกัน ศาลย่อมพิพากษาแบ่งให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามสมควรได้

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นสั่งรวมการพิจารณาคดีนี้กับคดีแดงของศาลชั้นต้นที่ 55/2508 แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วคดีแดงที่ 55/2508 ไม่มีอุทธรณ์ จำเลยคงอุทธรณ์และฎีกามาแต่คดีนี้คดีเดียว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถโดยปราศจากความระมัดระวังและผิดพระราชบัญญัติจราจร ชนกับรถโจทก์ที่นายพีรพลขับสวนมา เป็นเหตุให้นายพีรพลและผู้โดยสารนั้นถึงแก่ความตายและรถโจทก์เสียหายใช้การไม่ได้ ขอให้ศาลบังคับจำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยสู้ว่านายพีรพลประมาท จำเลยไม่ได้ประมาท รถโจทก์ไม่เสียหายดังฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง

ชั้นพิจารณาคู่ความตกลงกันให้ถือข้อเท็จจริงในเรื่องจำเลยขับรถประมาทในคดีแพ่งนี้ตามข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาได้พิพากษาในคดีอาญา ซึ่งจำเลยนี้ถูกฟ้องแล้วให้ศาลพิพากษาคดีแพ่งนี้ไป ส่วนค่าเสียหายรับกันว่าถ้าจำเลยแพ้คดีให้ถือว่าโจทก์เสียหายครึ่งหนึ่งของจำนวนเงินที่โจทก์ฟ้อง คู่ความไม่ขอสืบพยานและสละประเด็นอื่น ๆ ถ้าหากจะมี

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า โจทก์เป็นเจ้าของรถคันที่นายพีรพลขับและรถได้รับความเสียหายเพราะการชน โจทก์มิได้มีความประมาทในการชนกันนั้นด้วย เมื่อนายพีรพลกับจำเลยประมาททำให้รถของโจทก์ได้รับความเสียหายโดยมิใช่ร่วมกันทำประมาท นายพีรพลกับจำเลยก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ โดยแยกกันชดใช้มากน้อยตามพฤติการณ์แห่งความประมาทนั้น โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยคนเดียวโดยนายพีรพลตายไปแล้ว จำเลยจึงต้องชดใช้ให้โจทก์ตามส่วนความมากน้อยแห่งความประมาทที่จำเลยกระทำ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า แม้หากศาลฎีกาจะฟังข้อเท็จจริงในคดีอาญามาว่า เหตุที่รถชนกันขึ้นเนื่องจากจำเลยและนายพีรพลต่างขับรถยนต์ด้วยความประมาททั้งสองฝ่ายก็ตาม แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นก็มิใช่เพราะความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดของโจทก์ ผู้ต้องเสียหายประกอบด้วยแต่ประการใดเลย ทั้งทางพิจารณาไม่ปรากฏว่าโจทก์จะต้องร่วมรับผิดกับนายพีรพลตามกฎหมายในผลที่นายพีรพลขับรถชนโดยประมาทแต่ประการใดด้วย โจทก์ในฐานะเจ้าของรถยนต์คันที่นายพีรพลขับจึงย่อมมีสิทธิที่จะฟ้องเรียกค่าเสียหายฐานละเมิดได้ทั้งจากนายพีรพลและจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 และ 424 เพราะทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างทำละเมิดโจทก์ด้วยกัน ศาลย่อมพิพากษาแบ่งให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้โจทก์ตามสมควรได้

พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย

Share