แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำเลยที่ 2 อันไม่เป็นความจริง ย่อมมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ ส่วนจำเลยที่ 2 ผู้รับสมอ้างเป็นเจ้าหนี้ ถือว่าได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
ในการพิจารณาคำขอเฉลี่ยทรัพย์ จำเลยทั้งสองเบิกความว่ามีหนี้สินต่อกัน อันเป็นความเท็จ จึงมีความผิดฐานเบิกความเท็จ และจำเลยที่ 2 ผู้อ้างอิงสัญญากู้เป็นพยานหลักฐาน มีความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จอีกด้วย
โจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 ตามคำพิพากษา เป็นผู้เสียหาย มีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดฐานโกงเจ้าหนี้เบิกความเท็จ และนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานอันเป็นเท็จได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเจตนาจะไม่ให้โจทก์ได้รับชำระหนี้ได้สมคบกันทำสัญญากู้ว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินไปจากจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2 ได้ฟ้องเรียกเงินตามสัญญากู้จากจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ยอมใช้เงินตามฟ้อง ศาลพิพากษาตามยอมจำเลยที่ 2 ได้เอาหนี้ตามคำพิพากษาที่เกิดจากการสมยอมนี้มาขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดทรัพย์ของจำเลยที่ 1 ซึ่งโจทก์เป็นเจ้าหนี้จำเลยที่ 1 อยู่ตามคำพิพากษา ศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนจำเลยที่ 2 ได้อ้างสัญญากู้ดังกล่าวเป็นพยาน และจำเลยทั้งสองได้สาบานตนเบิกความเท็จในข้อสำคัญแห่งคดีว่าจำเลยที่ 1 ได้กู้เงินจำเลยที่ 2 ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 90, 177, 180, 350
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ และว่าโจทก์ไม่ใช่ผู้เสียหายไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งสองทำสัญญากู้โดยสมยอม พิพากษากลับเป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83 กระทงหนึ่งฐานเบิกความเท็จตามมาตรา 177 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่ง และจำเลยที่ 2 มีความผิดฐานนำสืบหรือแสดงพยานหลักฐานเท็จตามมาตรา 180 วรรคแรก อีกกระทงหนึ่งด้วย ให้จำคุกกระทงละ 1 เดือน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยที่ 1 ได้นำยึดสวนยางพาราของจำเลยที่ 1 ออกขายทอดตลาดระหว่างที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดทรัพย์เพื่อขายทอดตลาดจำเลยที่ 2 ฟ้องเรียกเงินกู้และดอกเบี้ยจากจำเลยที่ 1 ตามสัญญากู้ซึ่งจำเลยทั้งสองได้คบคิดกันทำขึ้น โดยที่มิได้มีหนี้สินต่อกัน จำเลยที่ 1 ได้ประนีประนอมยอมความใช้เงินตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 ศาลพิพากษาตามยอม จำเลยที่ 2 จึงร้องขอเฉลี่ยเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินของจำเลยที่ 1 โจทก์คัดค้านว่าเป็นหนี้สมยอม ในชั้นไต่สวนจำเลยทั้งสองได้สาบานตัวเบิกความเป็นพยานว่าเป็นหนี้กันตามสำเนาสัญญากู้ท้ายฟ้องในคดีก่อนจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ 1 แกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำเลยที่ 2 อันไม่เป็นความจริง จำเลยที่ 1 ย่อมมีความผิดฐานโกงเจ้าหนี้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350 ส่วนจำเลยที่ 2 ผู้รับสมอ้างเป็นเจ้าหนี้ ถือได้ว่าได้ร่วมกระทำผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วยจึงมีความผิดฐานเป็นตัวการเช่นเดียวกัน ในการพิจารณาคำขอเฉลี่ยทรัพย์ จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จว่าเป็นหนี้สินต่อกัน จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177 วรรคแรกและจำเลยที่ 2 ผู้อ้างอิงสัญญากู้เป็นพยานหลักฐาน ยังมีความผิดตามมาตรา 180 วรรคแรกอีกด้วย โจทก์เป็นผู้เสียหาย จึงฟ้องคดีนี้ได้
พิพากษายืน