คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1472/2545

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57,91 ลดโทษ ให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่และลดโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ 15,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 10,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปียกฟ้องโจทก์ข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองเฉพาะข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โดยมิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนจึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการไม่ชอบ เพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสอง อันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 212

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำนวน 23 เม็ด น้ำหนัก 2.089 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ดให้แก่สายลับผู้ล่อซื้อไปในราคา 100 บาท และจำเลยทั้งสองได้เสพเมทแอมเฟตามีนโดยวิธีรับประทานเข้าสู่ร่างกายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7(1), 8, 15, 57,66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91 และริบของกลางทั้งหมด

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91 จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ20,000 บาท คำให้การในชั้นสอบสวนของจำเลยที่ 1 และทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 สำหรับจำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่และสำหรับจำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่งแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือน และปรับ15,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 6 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี คุมความประพฤติของจำเลยทั้งสองโดยกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยทั้งสองไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนต่อเดือน มีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยทั้งสองกระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณะประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยทั้งสองเห็นสมควรคนละ 20 ชั่วโมง ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องกับยาเสพติดให้โทษทุกชนิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ยกฟ้องจำเลยทั้งสองในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ริบของกลางทั้งหมด ยกเว้นกระป๋องนมผงจำนวน 1 ใบ และธนบัตรจำนวน 4,900 บาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ด้วย เมื่อเรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 5 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายจำคุกคนละ 5 ปี รวมจำคุกคนละ 10 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 ปี8 เดือน ไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลยทั้งสองในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีน รวมโทษทุกกระทงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 7 ปี5 เดือน จำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี 2 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “อนึ่ง คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 91ลดโทษให้แก่จำเลยที่ 1 หนึ่งในสี่และลดโทษให้แก่จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 9 เดือนและปรับ 15,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน และปรับ 10,000บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยทั้งสองไว้ ยกฟ้องโจทก์ข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองเฉพาะข้อหาที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องดังกล่าว โดยโจทก์มิได้อุทธรณ์ในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องถือว่าโจทก์พอใจคำพิพากษาศาลชั้นต้นที่ลงโทษจำเลยทั้งสองในข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายแล้ว ดังนั้น การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7พิพากษาแก้โทษจำเลยทั้งสองในข้อหาดังกล่าวเป็นไม่รอการลงโทษและไม่ลงโทษปรับจำเลยทั้งสอง จึงเป็นการไม่ชอบเพราะเป็นการเพิ่มเติมโทษจำเลยทั้งสองอันเป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 212 แม้จำเลยทั้งสองจะมิได้ยกขึ้นฎีกาแต่ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยศาลฎีกามีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยและแก้ไขเสียให้ถูกต้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225”

พิพากษาแก้เป็นว่า สำหรับความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 ปี 8 เดือน ส่วนความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนให้บังคับคดีลงโทษจำเลยทั้งสองไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 7

Share