คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1471/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 1 มอบอำนาจให้โจทก์ที่ 2 ฟ้องคดีและโจทก์ที่ 2 ได้ฟ้องในนามของตนเองด้วย ต่อมาโจทก์ที่ 1 ขอถอนฟ้อง และขอถอนใบมอบอำนาจนั้นเสีย โจทก์ที่ 2 จึงขอให้ศาลเรียกโจทก์ที่ 1 เข้ามาในคดี ดังนี้ แม้ศาลจะสั่งให้หมายเรียกแล้วต่อมาเมื่อโจทก์ที่ 1 แถลงว่าไม่ประสงค์จะยุ่งเกี่ยวกับคดีและศาลเห็นไม่สมควรเรียกโจทก์ที่ 1 เข้ามาในคดีก็มีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม โดยให้ยกคำร้องของโจทก์ที่ 2 ได้
เมื่อจำเลยได้ปลูกโรงเรือนในที่พิพาทและครอบครองมาก่อนที่โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์ที่ 1 โจทก์ที่ 2 โดยลำพังจึงไม่มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลย เพราะจำเลยเป็นบุคคลนอกสัญญาโจทก์ที่ 2 ชอบจะว่ากล่าวเอากับโจทก์ที่ 1 เท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ที่ ๒ ในฐานะส่วนตัวและในฐานะเป็นผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์ที่ ๑ ฟ้องว่าโจทก์ที่ ๒ ได้เช่าที่ดินจากโจทก์ที่ ๑ และจำเลยได้ปลูกโรงเรือนลงในที่ดินที่โจทก์ที่ ๒ เช่านี้โดยไม่มีสิทธิจะปลูก และจำเลยมิได้เสียค่าเช่าให้แก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยอาศัยที่ดินของโจทก์ตลอดมา โจทก์ที่ ๒ ประสงค์จะปลูกโรงเรือนในที่ดินนี้ โจทก์ทั้งสองจึงได้มีหนังสือให้จำเลยรื้อโรงเรือนออกไป แต่จำเลยเพิกเฉย จึงขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า ได้ปลูกโรงเรือนโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าอาวาสวัดโจทก์ที่ ๑ และเจ้าอาวาสวัดโจทก์ที่ ๑ ยังตกลงให้จำเลยเช่าที่ดินพิพาทด้วย แต่ยังมิได้ทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือ โจทก์ที่ ๒ ไม่มีอำนาจฟ้อง
ต่อมาโจทก์ที่ ๑ ยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์จะดำเนินคดีต่อไป ขอถอนชื่อโจทก์ที่ ๑ ออกจากฟ้องและขอถอนการมอบอำนาจที่มอบให้โจทก์ที่ ๒ เสีย ศาลอนุญาต โจทก์ที่ ๒ ่จึงขอให้ศาลหมายเรียกเจ้าอาวาสวัดทั้งในฐานะเจ้าอาวาสและส่วนตัวเข้ามาเป็นคู่ความ ศาลชั้นต้นออกหมายเรียก แต่วัดและเจ้าอาวาสยื่นคำแถลงว่าไม่ประสงค์จะยุ่งเกี่ยวกับคดีนี้
ศาลชั้นต้นงดสืบพยานโจทก์ จำเลย และพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ที่ ๒
โจทก์ที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจอนุญาตให้โจทก์ที่ ๑ ถอนฟ้องและถอนใบมอบอำนาจตามสำเนาท้ายฟ้องได้ และเมื่อศาลออกหมายเรียกโจทก์ที่ ๑ และเจ้าอาวาสในฐานะส่วนตัวเข้ามาในคดีตามคำร้องของโจทก์ที่ ๒ แล้ว ต่อมาเมื่อโจทก์ที่ ๑ และเจ้าอาวาสในฐานะส่วนตัวแถลงว่าไม่ขอเกี่ยวข้องกับคดี ทั้งศาลก็ได้อนุญาตให้โจทก์ที่ ๑ ถอนฟ้อง ไปแล้ว จึงไม่ควรเรียกโจทก์ที่ ๑ แะลเจ้าอาวาสเข้ามาในคดีอีก ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิมโดยให้ยกคำร้องที่ขอให้เรียกโจทก์ที่ ๑ และเจ้าอาวาสเข้ามาในคดีได้
โจทก์ที่ ๒ โดยลำพังไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยให้รื้อโรงเรือนออกไปจากที่พิพาท เพราะข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยได้ปลูกโรงเรือนในที่พิพาท และครองครองมาก่อนที่โจทก์ที่ ๒ จะทำสัญญาเช่าที่พิพาทจากโจทก์ที่ ๑ โจทก์ที่ ๒ ถูกรอนสิทธิอย่างไรชอบจะไปว่ากล่าวกับโจทก์ที่ ๑ คู่สัญญาเท่านั้น จำเลยหาต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ ๒ ไม่ เพราะเป็นบุคคลนอกสัญญา
พิพากษายืน

Share