คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1470/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามคำร้อง ของ ทนายจำเลยขอเลื่อนวันนัดสืบพยานจำเลย ซึ่งนัดเวลา 13.30 นาฬิกา ปรากฏว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรงก่อนวันนัด 1 วัน นั้น ทนายจำเลยมีโอกาสยื่นคำร้องขอเลื่อนได้ก่อนเวลา 13.30 น. ของวันนัด แต่เสมียนทนายจำเลยยื่นคำร้องดังกล่าวในวันนัดเวลา 14.00 น.หลังจากศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้ว ดังนี้การที่ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจึง ชอบ แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามชำระหนี้ไถ่ถอนจำนอง3,825,958.98 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่เคยเปิดบัญชีกระแสรายวันและทำสัญญาขายลดตั๋วแลกเงินกับโจทก์ จำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ได้ทำสัญญาค้ำประกันและสัญญาจำนอง ทั้งไม่ได้เป็นลูกหนี้โจทก์
ในวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยทั้งสามและทนายจำเลยทราบนัดแล้วไม่มาศาล ศาลชั้นต้นถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระหนี้เป็นเงิน3,825,958.98 บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้งดสืบพยานจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีคงมีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาเพียงว่าการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนการสืบพยานจำเลยในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ข้อเท็จจริงปรากฏตามสำนวนว่า ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานจำเลยทั้งสามนัดแรกเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2532ซึ่งในวันดังกล่าวจำเลยทั้งสามได้นำพยานเข้าสืบ 1 ปาก แล้วขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือในนัดหน้า ศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลยวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2533 เวลา 13.30 นาฬิกา เมื่อถึงวันนัดศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณาเวลา 14 นาฬิกา คงมีแต่ทนายโจทก์มาศาล ฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาสืบ ให้งดสืบพยานจำเลยทั้งสามที่เหลือแล้วนัดฟังคำพิพากษา หลังจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าวแล้วได้มีเสมียนทนายจำเลยนำคำร้องของทนายจำเลยทั้งสามมายื่นขอเลื่อนการสืบพยานจำเลย อ้างว่าทนายจำเลยทั้งสามป่วยเป็นโรคท้องร่วงอย่างแรง ตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า “ศาลออกพิจารณาและมีคำสั่งงดสืบพยาน นัดอ่านคำพิพากษาและโจทก์กลับไปแล้วโดยนำมายื่นหลังที่ศาลพิจารณาเสร็จสิ้นแล้วเลื่อนคดีให้ตามขอไม่ได้ ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ” พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ตามใบรับรองแพทย์ท้ายคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลย ปรากฏว่าทนายจำเลยป่วยเป็นโรคท้องร่วงตั้งแต่วันที่ 22กุมภาพันธ์ 2533 ก่อนวันนัด 1 วัน ทนายจำเลยจึงมีโอกาสที่จะยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีได้ก่อนเวลา 13.30 นาฬิกา ของวันที่ 23กุมภาพันธ์ 2533 แต่เสมียนทนายจำเลยเพิ่งนำคำร้องไปยื่นหลังเวลา 14 นาฬิกา ซึ่งศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยไปแล้วที่จำเลยฎีกาว่าเสมียนทนายจำเลยได้ไปถึงศาลตั้งแต่เวลา 13นาฬิกา แต่เจ้าหน้าที่รับฟ้องยังไม่มาทำงาน จึงไม่ทราบว่าจะไปยื่นคำร้องที่ใดนั้น ก็รับฟังเป็นความจริงไม่ได้ เพราะปรากฏตามรายงานเจ้าหน้าที่ของศาลว่า ในวันดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ประกาศเรียกคู่ความเมื่อเวลา 13.40 นาฬิกา แล้วปรากฏว่ามีแต่ทนายโจทก์มาศาล ฝ่ายจำเลยไม่มา ซึ่งถ้าหากเสมียนทนายจำเลยไปศาลตั้งแต่เวลา 13.00 นาฬิกาจริงแล้ว ย่อมจะต้องได้ยินประกาศของเจ้าหน้าที่และเข้าห้องพิจารณาได้ก่อนศาลชั้นต้นออกนั่งพิจารณา ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เสมียนทนายจำเลยนำคำร้องขอเลื่อนคดีไปยื่นหลังเวลา 14นาฬิกา และภายหลังที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งงดสืบพยานจำเลยแล้วอันเป็นการแสดงให้เห็นว่าทนายจำเลยไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญต่อวันเวลานัดพิจารณาของศาลจึงมิได้กำชับเสมียนทนายให้ไปยื่นคำร้องก่อนเวลานัด การที่ศาลชั้นต้นใช้ดุลพินิจไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนการสืบพยานจำเลยจึงชอบแล้ว…”
พิพากษายืน.

Share